Chapter 2 – Part 3
ในตอนที่อัลเล็ตแทงเล็บศักสิทธิ์เข้าที่สีข้างของเท็กเนียวนั้น มอร่าคิดว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้ว
หลังจากโดนเล็บศักสิทธิ์แทงร่างเท็กเนียวก็สั่นอย่างรุนแรง
อัลเล็ตซึ่งคิดว่าเค้าชนะแล้วก็เข้าไปสำรวจร่างของเท็กเนียว
แต่แล้วทันใดนั้นเองที่เท็กเนียวเหวี่ยงหมัดเข้าใส่หน้าอัลเล็ตอย่างจัง
ด้วยสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ระวัง!” เฟรมี่ตะโกนเมื่อเห็นแบบนั้นแต่มันก็สายเกินไป
ร่างอัลเล็ตลอยกระเด็นไปกระแทกพื้นด้านหลังและกลิ้งต่อไปอีกประมาณ 20
เมตรก่อนที่จะนิ่งไป
“อัลเล็ต!” เฟรมี่ตะโกนสุดเสียง
“อัลคุง!” โรโรเนียซึ่งกำลังต่อสู้กับพวกปีศาจอยู่ร้องออกมา ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ
เธอกลับเป็นเด็กสาวขี้กลัวคนเดิมอีกครั้ง
พวกปีศาจที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นรีบมุ่งไปที่อัลเล็ตเพื่อจัดการให้สิ้นซาก
แต่มอร่าก็ไปถึงตัวอัลเล็ตได้ก่อน เธอรีบอุ้มเค้าขึ้นบ่า เธอยังรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเค้า
“เฮ้ๆ นายยังไม่ตายใช่มั๊ย?” เท็กเนียวพูดขณะที่เล็บศักสิทธิ์ยังแทงอยู่ที่สีข้าง
สถานการณ์ในตอนนี้ช่างสิ้นหวังโดยสมบูรณ์
นอกจากชามอสไม่สามารถต่อสู้ได้แล้ว ตอนนี้พวกเค้ายังเสียอัลเล็ตไปอีกคน
อย่าพึ่งนึกถึงเรื่องจัดการเท็กเนียวเลย พวกเค้าควรกังวลเรื่องจะถูกจัดการที่นี่ทั้งหมดมากกว่า
ท่าทางชั้นคงต้องใช้สิ่งนั้นแล้วสินะ มอร่าคิด
“มอร่า เธอยังคิดจะสู้สินะ? หึๆ ชั้นเดาไม่ผิดจริงๆ
”
มอร่าจ้องเท็กเนียวเขม็ง เธอจะไม่ยอมทิ้งโอกาสที่จะจัดการเท็กเนียวที่นี่เด็ดขาด
แต่ก่อนที่เธอจะเริ่มขยับตัว ฮานก็เข้ามาขวางไว้
เค้ารับร่างหมดสติของอัลเล็ตมาจากมอร่า และอุ้มไว้บนบ่า
“รีบหนีก่อนเถอะ เมี๋ยว เธอยังไม่จำเป็นต้องใช้มันตอนนี้หรอก”
ฮานเองก็ไม่รู้ว่าไพ่ตายของมอร่านั้นคืออะไร
แต่ดูจากท่าทางของมอร่าแล้ว เค้ามั่นใจว่ามอร่าตั้งใจจะทำอะไรบางอย่างแน่นอน บางทีไพ่ตายของเธอน่าจะเป็นการแลกชีวิตไปพร้อมเท็กเนียว
“มอร่าค่อยระวังหลัง! โกดอฟนายช่วยดูแลสัมภาระด้วย! ทุกคนที่เหลือหนีเร็ว!” ฮานตะโกน
สิ้นเสียงตะโกนฮานก็ออกวิ่ง เค้ารีบตรงไปอุ้มชามอสที่นั่งทรุดอยู่
แล้วแบกขึ้นหลัง หลังจากนั้นเค้าก็วิ่งหนีออกไปด้วยความเร็วที่เหนือมนุษย์
แม้ว่าจะอุ้มทั้งอัลเล็ตและชามอสอยู่บนบ่า
“ปล่อยชามอสนะ เจ้าบ้า! ปล่อยๆๆๆๆ” “ชามอสยังสู้ไหว!”
เธอตะโกนพลางทุบฮาน แต่ฮานไม่สนใจ
“พวกเธอคิดว่าชั้นจะปล่อยให้หนีไปง่ายๆเหรอ?”
เท็กเนียวเริ่มออกไล่ตามพวกเค้า แต่มอร่าก็เข้าโจมตีสกัดไว้
คำพูดของฮานทำให้มอร่าได้สติ
นี่ไม่ใช่โอกาสสุดท้ายที่จะจัดการเท็กเนียวซักหน่อย
ตอนนี้พวกเราควรจะหนีไปพักฟื้นร่างกายให้ดีก่อนต่างหาก เธอคิด
“มอร่า ชั้นจะค่อยช่วยสนับสนุนเธอเอง”
เฟรมี่พูดพลางโยนระเบิดออกไปยังพวกปีศาจที่ตามมา
“ตะ ต้องหนี” โรโรเนียพูดกับตัวเองด้วยเสียงสั่นเทา
ขณะพยายามจะหนีออกจากวงล้อมของปีศาจที่ล้อมเธออยู่
“โรโรเนีย! รีบตามฮานไปเร็ว!” มอร่าตะโกน
โรโรเนียพยายามไล่ตามฮานไปแต่ พวกปีศาจที่ล้อมอยู่ก็เข้ามาปิดทางหนีของทุกคนไว้
“ทุกคนหมอบลง!” เฟรมีตะโกนและโยนระเบิดไปทั่วบริเวณนั้น
พวกปีศาจถูกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แม้แต่ฮานและโรโรเนียเองก็ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดนั้น
ถึงกระนั้นมันก็ช่วยเปิดทางหนีให้กับพวกเค้าได้
“มอร่ามาเร็ว!” เฟรมี่ยิงกระสุนไปที่เท็กเนียวเพื่อเปิดช่องให้มอร่าหนี
และทั้ง 2 ก็หันหลังวิ่ง
“ทุกคนมุ่งหน้าไปที่ภูเขา อย่าหยุดจนกว่าจะถึง บุบผานิรันดริ์!”
ทุกคนวิ่งผ่านพวกปีศาจที่รายล้อมอยู่ มุ่งหน้าไปยังภูเขา
โดยมีฮานที่แบกอัลเล็ตและชามอสวิ่งนำหน้า ตามมาด้วยโรโรเนีย
และโกดอฟที่สะพายสัมภาระทุกคนอยู่
“เฟรมี่ เธอกับชั้นต้องช่วยกันระวังหลังให้พวกเค้า!”
มอร่าพูดระหว่างที่ทั้ง 2 วิ่งอยู่ด้านหลัง
.....................................................................
มอร่าและคนอื่นๆยังคงวิ่งหนีออกมาจากบริเวณเนินเขาที่ถูกเท็กเนียวซุ่มโจมตี
การวิ่งหนีนั้นยากยิ่งกว่าการต่อสู้ซึ่งๆหน้ายิ่งนัก
และคนที่รับหน้าที่ ที่เสี่ยงที่สุดในตอนนี้ก็คือมอร่า
ซึ่งวิ่งรั้งท้ายคอยระวังให้ทุกคนอยู่
เธอต้องคอยป้องกันการโจมตีของเท็กเนียวระหว่างที่หนีไปด้วย
“ฮ่ะ!”
เท็กเนียวที่ไล่ตามมาทันก็เหวี่ยงหมัดไปที่มอร่า
แต่มอร่าหลอบการโจมตีของเท็กเนียวได้
และก็ใช้สนับของเธอกันลูกเตะของเท็กเนียวที่ตามมา
เฟรมี่ที่ค่อยสนับสนุนอยู่ด้านหลังก็ลั่นกระสุนใส่เท็กเนียว
กระสุนเฉี่ยวหน้ามอร่าพุ่งตรงไปยังเท็กเนียว เมื่อเท็กเนียวเบี่ยงตัวหลบกระสุน
มอร่าก็ใช้โอกาสนั้นเตะเท็กเนียวออกไปแล้ววิ่งหนีต่อ ขณะเดียวกันเฟรมี่ก็โยนระเบิดสกัดไม่ให้เท็กเนียวตามมาได้
เฟรมี่ไม่ได้ล้อเล่นตอนที่เธอบอกว่าเธอชำนาญในการหนี
เพราะถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของเฟรมี่
มอร่าคงไม่มีทางสลัดเท็กเนียวให้หลุดได้
พวกเค้าหนีไปพลางต่อสู้กับพวกปีศาจที่ซุ่มโจมตีไปพลางตลอดทาง
เมื่อออกมากจากเขตทุ่งราบทุกคนก็เริ่มเห็นภูเขาเบื้องหน้า
บนเขาลูกนั้นมีบริเวณที่มีบุบผานิรันดิ์บานอยู่ ซึ่งทุกคนจะปลอดภัยที่นั่น
จำนวนพวกปีศาจที่ตามมาค่อยๆลดลงไป
ถึงแม้ระยะห่างระหว่างพวกเค้ากับเท็กเนียวจะเท่าเดิมก็ตาม
“มอร่าระวัง!”
เท็กเนียวกระโจนเข้ามายังมอร่า แต่มอร่าก็ขว้าขอมือทั้ง 2
ของเท็กเนียวไว้ด้วยแรงทั้งหมดของเธอ มือเธอเริ่มสั่น
พลังของเท็กเนียวนั้นแข็งแกร่งกว่าพลังของเซ้นแห่งขุนเขาของเธอมาก
เธอไม่แน่ใจว่าจะสามารถยันไว้ได้อีกนานเท่าไร
“มอร่า!” เฟรมี่ตะโกนขณะพุ่งเข้ามาช่วย
เฟรมี่โยนระเบิดไปด้านหลังเท็กเนียว แรงระเบิดทำให้เท็กเนียวผงะไปเล็กน้อย
ซึ่งมอร่าก็ใช้จังหวะนั้นเหวี่ยงเท็กเนียวออกไปแล้ววิ่งหนีต่อ
เท็กเนียวที่ถูกมอร่าเหวี่ยงออกไป ค่อยๆลุกขึ้น
เค้ายังมีอาการมึนอยู่เล็กน้อย จริงแล้วเท็กเนียวก็ได้รับบาดเจ็บอยู่พอสมควร
เค้ามีบาดแผลจากการโจมตีของมอร่า เฟรมี่และ โรโรเนียหลายแห่ง
และสีข้างก็ยังมีเล็บศักสิทธิ์แทงคาอยู่แม้เค้าจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรก็ตาม
“เท็กเนียวน่าจะเลิกไล่ตามแล้วล่ะ”
เฟรมี่พูดขึ้นระหว่างเล็งไรเฟิลไปยังเท็กเนียว
บุบผานิรันดิ์อยู่ห่างไปอีกแค่ไม่กี่นาที พวกปีศาจที่ตามมาก็หายไปหมดแล้ว
เท็กเนียวยิ้มหน่ายๆ
“ถึงเธอจะจากไปครึ่งปีแล้ว แต่ชั้นก็ดีใจนะที่เห็นเธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้น”
แต่เฟรมี่ไม่โต้ตอบคำพูดเท็กเนียว
“เหงารึเปล่า หืม?
ชั้นมั่นใจว่าเธอมีเรื่องที่อยากพูดกับชั้นเยอะแยะเลยสินะ ทำไมไม่กลับมาหาชั้นล่ะ
การหักหลังเธอเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ล่ะนะ แม้แต่ตอนนี้ชั้นก็....”
“เปรี้ยง!” กระสุนของเฟรมี่พุ่งไปยังหน้าเท็กเนียว
แต่เท็กเนียวก็ใช้ฟันกัดกระสุนไว้ได้อีกครั้งพลางยักไหล่
“ตายซะ”
“ชั้นเข้าใจความรู้สึกเธอนะเฟรมี่
เธอเองก็ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เธอทำถูกต้องมั๊ย
เธอกลัวว่าถ้ายังคุยกับชั้นต่อเธออาจจะถูกโน้มน้าวได้ เฮ้ออ เธอนี่เป็นเด็กที่น่ารักแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วนะเฟรมี่”
เฟรมี่กัดฟันด้วยความโกรธ โดยมีมอร่ามองดูอยู่ห่างๆ
สถานะของเธอตอนนี้ยังไม่แน่ชัด
ความสัมพันของเธอกับเท็กเนียวก็ยังไม่แน่ชัด
ระว่างที่ทั้ง 2 ยังจ้องหน้ากันอยู่นั้น
มอร่าก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อชั่วโมงก่อน ก่อนที่ทุกคนจะถูกโจมตี
เป็นตอนที่เธอเจอปีศาจแปลกๆที่เนินเขา
ข้อความที่บอกว่า “เวลาไม่มีแล้วนั้น”
เป็นข้อความจากเท็กเนียวไม่ผิดแน่
มอร่าอยากจะถามเท็กเนียวตรงๆว่าต้องการจะพูดอะไรกันแน่
แต่เธไม่สามารถทำแบบนั้นตราบใดที่เฟรมี่ยังจับตามองอยู่ คนอื่นๆยังไม่มีใครรู้ข้อตกลงลับระหว่างเธอกับเท็กเนียวที่ทำไว้เมื่อ1ปีก่อน
แน่ล่ะพวกเค้าไม่มีทางคิดหรอกว่าจะมีข้อตกลงแบบนั้นเกิดขึ้น
“มอร่า รีบไปกันเธอ ชั้นเป็นห่วงพวกอัลเล็ต”
พูดจบเธอก็วิ่งตามคนอื่นๆไป
ด้านเท็กเนียวนั้นไม่มีทีท่าที่จะตามต่อ
“หึๆ เธอคิดว่าการที่พวกเธอหนีไปแบบนี้ ดีแล้วจริงๆเหรอ?”
เฟรมี่ไม่สนใจคำพูดนั้น แต่มอร่าชะงักไป
“นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะฆ่าชั้นได้นะ
เพราะเวลาของเธอน่ะใกล้จะหมดแล้ว”
“แกหมายความว่ายังไง? มอร่าถามออกไปโดยไม่ทันคิด
“เธอเหลือเวลาอีกแค่ 2 วัน
ไม่งั้นสถานการณ์ต่างๆแต่เลวร้ายขึ้นมากเลยล่ะนะ หึๆ”
“ 2 วัน?” แต่ก่อนที่จะได้ถามต่อเฟรมี่ก็ดึงไหล่มอร่าให้หนี
“ไม่ต้องสนใจคำพูดเค้าหรอก ก็แค่ขู่เท่านั้นล่ะ
ไม่มีเหตุผลที่เค้าจะบอกเราหรอกถ้าเกิดว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพวกเราในอีก 2
วันจริงๆ”
“ตะ แต่..”
มอร่ายังลังเล แต่เฟรมี่ก็พยายามเร่งให้มอร่าหนี เท็กเนียวที่มองเหตุการณ์นั้นอยู่ก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ อย่างที่เฟรมี่บอกน่ะล่ะ วันนี้พอแค่นี้ล่ะ
แล้วเจอกันใหม่นะเหล่าหกบุบผา”
และเท็กเนียวก็หันหลังกลับไปจนลับตา
ไม่มีพวกปีศาจหลงเหลืออยู่รอบๆ ในที่สุดการต่อสู้ก็จบลง
แต่มอร่ายังคงมองไปยังทางที่เท็กเนียวเดินจากไป
“มันแค่ต้องการจะเล่นสนุกเท่านั้นสินะ
เนี่ยนะเหรอหนึ่งในผู้บัญชาการพวกปีศาจ”
“เค้าก็เป็นแบบนี้ล่ะ” เฟรมี่พูดพลางเล็งไรเฟิลไปยังมอร่า
มอร่าไม่ได้ตกใจกับการกระทำนั้น
เธอไม่คิดว่าเฟรมี่เป็นศัตรู
เพราะถ้าหากเป็นเธอคงโดนฆ่าระหว่างที่สู้กับเท็กเนียวแล้ว
“ทำอะไรน่ะเฟรมี่!?”
“ชั้นมีบางอย่างจะถามเธอมอร่า”
เฟรมี่ถามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ
“เธอกับเท็กเนียวเกี่ยวข้องกันยังไง?”
“.....ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“ถ้าทีของเธอมันแปลกไป ตอนที่ได้ยินเท็กเนียวพูดว่า
“เวลาใกล้หมดแล้ว””
ใจมอร่าเต้นแรง แต่เธอก็พยายามสงบสติอารมณ์ไว้
“ทำตัวแปลกเหรอ? ถ้าชคนเราต้องโดนปืนจ่อเพราะเหตุผลแค่นั้น
มีกี่ชีวิตก็ไม่พอหรอกนะ”
“อย่ามาบ่ายเบี่ยงมอร่า ตอบคำถามชั้นมา”
“ชั้นต้องตอบยังไงเธอถึงจะพอใจล่ะ”
มอร่าพูดพลางเดินเข้าไปหาเฟรมี่และดันปากกระบอกปืนลง
“เฟรมี่ การที่เธอพยายามจะหาตัวตนของคนที่ 7 ก็เป็นเรื่องที่ดี
แต่เธอไม่ควรแสดงความมุ่งร้ายออกมาชัดเจนแบบนั้นนะ”
เฟรมี่ไม่ตอบ ทั้ง2คนยังคงจ้องตากัน
“และที่สำคัญ เธอก็น่าสงสัยเหมือนกัน
เพราะเธออาจจะแกล้งทำเป็นหาคนที่7เพื่อหาโอกาสฆ่าพวกเราก็ได้
และเธอคิดว่าคนอื่นๆจะคิดยังไงถ้าเค้ารู้ว่าเธอกล่าวหาชั้นและพยายามจะฆ่าชั้น”
“.......เข้าใจล่ะ” เฟรมี่เก็บปืนและหันหลังวิ่งตามคนอื่นๆไป
มอร่าวิ่งตามเฟรมี่ไป ครั้งนี้เธอสามารถเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้นไปได้
แต่เธอจะรอดไปได้อีกนานแค่ไหนนะ มอร่าคิด
จริงๆแล้วมอร่าโกหกคนไม่เป็นและแทบจะไม่เคยปกปิดอะไรเลยในชีวิต
มอร่าถือคติที่จะใช้ชีวิตอย่างซื่อตรง และเธอก็ใช้ชีวิตโดยยึดถือความคิดนี้มาตลอด เธอเชื่อว่าความเป็นคนซื้อสัตย์ไม่ตีสองหน้าคือหนทางสู่ชีวิตที่สงบสุข
“ชั้นก็คิดว่าเท็กเนียวแค่ขู่ แต่ชั้นก็ยังติดใจกับคำพูดที่ว่า
เหลือเวลาอีก 2 วัน ชั้นอยากรู้ว่ามันหมายความว่ายังไง”
“ก็ไม่รู้สินะ”
จริงๆแล้วมอร่าไม่คิดว่าคำพูดของเท็กเนียวเป็นแค่การขู่
ตรงกันข้ามเธอมั่นใจว่าคำพูดนั้นเป็นความจริง
เพราะว่าไม่มีทางที่เท็กเนียวจะโกหกเธอได้
มอร่านึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อน
ในตอนที่เธอได้ทำข้อตกลงลับกับเท็กเนียว
......................................................................................
ภายในซากปราสาทเก่าที่ไร้ซึ่งวี่แววสิ่งมีชีวิต
มอร่ากำลังจ้องไปยังเท็กเนียวที่นั่งอยู่บนซากบัลลังอย่างสบายใจ
ข้างๆเธอนั้นคือมามันน่าที่กำลังมองมายังเธอด้วยสีหน้าเป็นกังวล
พูดได้ว่า ณ ตอนนี้มอร่านั้นอยู่ในสถานะที่จนแต้มอย่างถึงที่สุดแล้ว
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่สามารถฆ่าหกบุบผาได้
เพราะการทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการทรยศต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์
ทำยังไงถึงจะช่วยลูกสาวเธอได้นะ ในเมื่อเท็กเนียวยื่นข้อเสนอแบบนี้มาให้เธอ
มอร่าคิด
“อือ.. งั้นเรามาต่อรองกันหน่อยมั๊ย? เธอฆ่าแค่คนใดคนหนึ่งในหกบุบผาก็ได้
แค่นึงในหกคนนั้น ถ้าแค่นี้เธอน่าจะยอมรับได้นะ?”
มอร่ายังคงไม่ตอบ
“ชั้นยอมแพ้แล้วล่ะ ถ้าชนาดนี้เธอยังไม่ยอมอีกละก็
เธอก็เป็นแม่ที่โหดร้ายมากเลยนะมอร่า”
มอร่าตัวสั่นด้วยความโกรธเมื่อได้ยินเท็กเนียวพูดเช่นนั้น
“ยังไงแกก็ไม่คิดจะคืนลูกสาวให้ชั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
ถึงชั้นจะทำตามข้อตกลงของแกก็ตาม”
“หืม.....”
“พวกปีศาจน่ะหลอกลวงมนุษย์เป็นปรกติอยู่แล้ว
ดังนั้นตราบใดที่ชั้นไม่ได้ข้อพิสูจย์ว่าแกจะรักษาสัญญา เราก็คงเจรจากันต่อไม่ได้”
“นั้นสินะ...”
“ว่าไงนะ?”
“ก็จริงนะ ถ้าเพื่อชัยชนะของพวกเราล่ะก็
ชั้นสามารถโกหกเธอได้โดยไม่ลังเลเลยล่ะ
ไม่มีเหตุผลที่ชั้นต้องรักษาสัญญากับมนุษย์อย่างเธออยู่แล้ว”
แกกำลังจะบอกว่าแกไม่คิดจะปล่อยลูกสาวของชั้นตั้งแต่แรกสินะ?! มอร่าคิด
“แต่สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว มอร่า เชื่อเถอะว่าชั้นจะรักษาสัญญาแน่นอน”
“เธอรู้มั๊ยว่าการจับตัวประกันน่ะ
เป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากความเชื่อใจ
ถ้าคนร้ายกับเหยื่อไม่มีความเชื่อใจกันล่ะก็ อาชญากรรมนี้ไม่มีทางสำเร็จได้หรอก”
“แกอยากจะให้ชั้นเชื่อใจแกเรอะ”
“โชคดีจริงๆที่เซ้นแห่งวาจาอยู่ที่นี่ เพื่อให้การเจรจาดำเนินต่อไปได้
ชั้นจะสาบานต่อเซ้นแห่งวาจาว่าถ้าชั้นผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเธอชั้นจะยอมตายเพื่อเป็นการตอบแทน”
หัวใจมอร่าหวั่นไหวอยู่ชั่วครู่ เธอคิดถึงข้อตกลงของเท็กเนียวอีกครั้ง
“ชั้นทำไม่ได้”
“..........ทำไมล่ะ”
“พวกปีศาจน่ะสามารถสละชีวิตได้โดยไม่ลังเลถ้าเพื่อชัยชนะของจอมมาร
ชั้นจะรู้ได้ยังไงว่าแกไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อสิ่งนั้น”
“เข้าใจล่ะ ชั้นก็กะไว้แล้วว่าเธอต้องถามอะไรแบบนี้”
เท็กเนียวหลับตานิ่งซักพักก่อนที่จะเริ่มพูด “ที่เธอพูดมันก็ไม่ผิด
แต่ว่าชั้นน่ะไม่เหมือนปีศาจตัวอื่นๆ ชั้นคือหนึ่งในผู้บังคับบัญชาของเหล่าปีศาจ
ซึ่งปีศาจ40%ของทั้งหมดในเขตแดนปีศาจอยู่ภายใต้การปกครองของชั้น
ถ้าชั้นตายล่ะก็พวกมันก็จะไร้ผู้สั่งการและไม่สามารถตัดสินใจอะไรเองได้
ดังนั้นเพื่อชัยชนะของจอมมารแล้วชีวิตของชั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น”
“ผู้บัญชาการของพวกปีศาจงั้นเหรอ..”
สิ่งที่ได้ยินดูเหมือนไม่น่าเชื่อ แต่จากที่มอร่าสังเกต
เธอรู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งของเท็กเนียวและคำพูดที่ว่ามันเป็นผู้บังคับบัญชา40%ของพวกปีศาจก็ดูจะไม่ได้โกหก
“ดังนั้นชั้นจึงคิดว่า
การเสนอชีวิตของชั้นเป็นประกันน่าจะทำให้พอเชื่อถือได้บ้างนะ”
“มามันน่า เธอช่วยยืนยันได้มั๊ยว่ามันพูดความจริง”
มามันน่าใช้พลังของเธอ เธอชีนิ้วไปออกไป
บอลแสงเล็กๆลอยจากปลายนิ้วของเธอไปยังปากของเท็กเนียว
“ช่วยพูดประโยคเมื่อกี๊อีกครั้งด้วยค่ะ”
“ชั้นเป็นผู้บังคับบัญชาของเหล่าปีศาจ ชั้นปกครองปีศาจ 40% ของทั้งหมด
ถ้าชั้นตายพวกปีศาจเหล่านั้นจะไร้ผู้สั่งการและถูกกำจัดอย่างง่ายดาย
ถ้าปราศจากชั้นล่ะก็พวกปีศาจจะไม่มีทางชนะหกบุบผาได้แน่”
ถ้าสิ่งที่เท็กเนียวพูดไม่เป็นความจริง
บอลแสงนั้นจะลอยกลับมาหามามันน่า แต่ทว่าบอลแสงนั้นก็ยังลอยอยู่ที่ปากของเท็กเนียว
“...สิ่งที่เท็กเนียวพูดเป็นความจริง”
มามันน่าตอบแต่ถึงกระนั้นมอร่าก็ยังไม่ไว้ใจเท็กเนียว
“เธอยังไม่ไว้ใจชั้นอีกเหรอ? งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน
ชั้นจะสาบานว่าชั้นจะไม่โกหกเธอเด็ดขาด
ถ้าผิดคำสาบานชั้นยอมให้แก่นกลางของชั้นถูกทำลายทันที
และชั้นก็จะทำลายปรสิตในตัวลูกสาวเธอด้วย”
เท็กเนียวพูดพลางชี้นิ้วไปที่บริเวณกลางอก
แก่นกลางของปีศาจเทียบได้กับสมองของมนุษย์
ถึงแม้จะเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งแค่ไหนถ้าแก่นกลางถูกทำลายก็จะตายแน่นอน
ปีศาจทุกตัวจะมีแก่นกลางแค่ชิ้นเดียว ส่วนใหญ่จะมีรูปร่างเป็น
วัตถุทรงกลมสีคล้ายโลหะสะท้อนแสง มีชนาดตั้งแต่ 50 เซนติเมตร
ไปจนถึงเล็กเท่าปลายนิ้ว
“ชั้นจะโชให้ดูละกัน” เท็กเนียวพูดพลางเอามือกดที่หน้าอก
ทันใดนั้นก็เกิดรูขึ้นบริเวณอก ภายในนั้นมีแก่นกลางของเค้าอยู่
“ทีนี้จะเชื่อชั้นได้รึยังล่ะ”
“สาบานกับเซ้นแห่งวาจาซะ แล้วชั้นจะเชื่อแก”
มามันน่าพยักหน้ารับ บอลแสงลอยจากปลายนิ้วเธอเข้าไปในร่างเท็กเนียว
“ชั้นขอสาบานว่า ชั้นจะไม่โกหกมอร่าเด็ดขาด ถ้าผิดคำสาบาน
ชั้นยอมให้แก่นกลางของชั้นถูกทำลาย
และในเวลาเดียวกันชั้นก็จะทำลายปรสิตที่อยู่ภายในตัวชีเรียน่าทันที”
ร่างเท็กเนียวเกิดแสงสว่างว่าบขึ้น เป็นสัญญาณว่าพันธะสัญญาเป็นผลแล้ว
“เอาล่ะ ทีนี้เราคงคุยกันต่อได้แล้วสินะ” เท็กเนียวพูดพลางยักไหล่
“งั้นชั้นขอบอกข้อเรียกร้องของทางชั้นอีกครั้งแล้วกัน
ชั้นอยากให้เธอฆ่าใครก็ได้ในหกบุบผา”
“ชั้นไม่สามมารถทำตามเงื่อนไขนั้นได้ เอาชีวิตของชั้นไปแทนแล้วกัน
ชั้นคิดว่ามันน่าจะมีค่าพอที่จะแลกกันได้นะ”
แต่เท็กเนียวกลับส่ายหน้า “ขอปฏิเสธ แบบนั้นคนอื่นก็จะถูกเลือกเป็นหกบุบผาแทนเธออยู่ดี”
“แอสลี่ ไวเวิล หรือ นาเชทาเนีย
ชั้นจะมอบชีวิตของเซ้นที่จะได้รับเลือกเป็นหกบุบผาให้คนใดคนนึงรวมทั้งชีวิตของชั้นเอง
แบบนี้พอมั๊ย”
“นี่!” มามันน่าที่ฟังเงียบๆอยู่นานขัดขึ้นมา
“เธอคิดอะไรอยู่น่ะ นี่เธอตั้งใจจะฆ่าพวกเค้าเหรอ?!”
“ก็ได้ยินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“เธอเสียสติไปแล้วเหรอ!”
แน่ล่ะ ไม่มีแม่คนไหนที่ลูกถูกจับเป็นตัวประกันแล้วจะไม่เสียสติหรอก
มอร่าคิด
“ไม่ล่ะ ชั้นต้องการแค่ชีวิตของหกบุบผา
ไม่ว่าเธอจะฆ่าผู้ที่อาจจะถูกเลือกไปกี่คนชั้นก็ไม่คืนลูกสาวเธอให้หรอก ข้อเรียกร้องของชั้นคือชีวิตหกบุบผา1คนเท่านั้น”
เท็กเนียวปฏิเสธข้อเสนอ มอร่าไม่มีทางเลือกแล้ว
“ชั้นจะทำให้ตัวเองถูกเลือกเป็นหกบุบผาให้ได้
และเมื่อชั้นได้รับเลือกแล้วชั้นจะฆ่าตัวตาย แบบนั้น ok มั๊ย?”
“แบบนั้นชั้นก็ไม่ยอมรับเหมือนกัน”
“ทำไมล่ะ!”
“ถ้าเธอไม่ได้รับเลือกเป็นหกบุบผา
ที่ชั้นจับตัวประกันก็ไร้ความหมายน่ะสิ
อีกอย่างเธอคิดว่าเทพธิดาแห่งโชคชะตาจะเลือกคนที่ตั้งใจจะฆ่าตัวตายเป็นหกบุบผาเหรอ?
ชั้นยืนยันเงื่อนไขเดิม
ฆ่าหกบุบผาคนใดคนนึงเท่านั้น”
เท็กเนียวและมอร่าจ้องตากันอยู่นาน
แต่เท็กเนียวก็ไม่มีที่ท่าจะยอมเปลี่ยนเงื่อนไข
“เธอคงรู้นะว่าถ้าเธอไม่ยอมรับข้อเสนอ
ชั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้ลูกสาวเธอมีชีวิตอยู่ต่อไป”
“...”
“น่าเสียดายนะ” เท็กเนียวพูดพลางลุกขึ้น
“เดี๋ยว! ชั้นจะทำโดยมีเงื่อนไข”
มอร่าไม่มีทางเลือกถ้าเธอไม่ยอมรับข้อเสนอลูกสาวเธอจะต้องตาย
“ถ้าแกถูกฆ่าตาย แกจะต้องปล่อยลูกสาวชั้น
ถึงแม้ว่าชั้นจะยังไม่ได้ฆ่าหกบุบผาก็ตาม”
“โทษทีนะ ชั้นยอมรับข้อเสนอนั้นไม่ได้
ไม่งั้นเธอก็แค่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อฆ่าชั้นน่ะสิ” เท็กเนียวส่ายหน้า
“งั้นกำหนดเส้นตายมา! ชั้นจะฆ่าหกบุบผาก่อนที่จะถึงเส้นตายนั้น
แต่ถ้าแกตายก่อนเวลานั้นล่ะก็ เงื่อนไขเรื่องฆ่าหกบุบผาจะต้องเป็นโมฆะ
ชั้นยอมได้ด้วยเงื่อนไขนี้เท่านั้น!”
“อืมมมมม” เท็กเนียวคิดพลางเอามือท้าวคาง
“งั้นเส้นตายคือเมื่อไรล่ะ?”
“22 วันหลังจากจอมมารตื่นขึ้น ถ้าแกอยู่รอดถึงวันนั้น
ชั้นสัญญาว่าจะฆ่าหกบุบผาคนใดคนหนึ่ง
เท็กเนียวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ได้ ชั้นยอมรับเงื่อนไขนั้น”
ในที่สุดทั้งสองก็สามารถตกลงกันได้
มอร่าเริ่มเห็นหนทางที่จะช่วยชีเรียน่าแล้ว
“ภายใน 22 วันหลังจากจอมมารตื่นขึ้น เธอต้องฆ่าหนึ่งในหกบุบผา
แต่ถ้าชั้นตายก่อนถึงเวลานั้น
สัญญาจะถือเป็นโมฆะและชั้นจะทำลายปรสิตในตัวลูกสาวของเธอ แบบนี้ ok มั๊ย?”
มอร่าพยักหน้า
“ชั้นขอเพิ่มเงื่อนไขอีกหน่อย จนกว่าจะถึงเส้นตาย
ห้ามแกแตะต้องลูกสาวชั้นเด็ดขาด”
“ได้สิ ชั้นสัญญา จนกว่าจะถึงวันที่ 22 นับจากจอมมารตื่นขึ้น
ปีศาจทุกตัวจะไม่ยุ่งกับลูกสาวเธอเด็ดขาด”
ด้วยเงื่อนไขนี้ เธอก็มีทางที่จะช่วยลูกสาวได้โดยไม่ต้องฆ่าหกบุบผา
ทางเลือกของเธอคือฆ่าเท็กเนียวให้ได้ภายใน 22 วัน หลังจากจอมมารตื่น
“ชั้นเองก็ขอเพิ่มเงื่อนไข 2 ข้อ
อย่างแรกถ้าเธออยู่ในสถานะที่ไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ชั้นจะฆ่าลูกสาวเธอ
หรือก็คือถ้าเธอตายก่อนเธอจะฆ่าหกบุบผาได้ ลูกสาวเธอจะต้องตาย อีกอย่างก็คือถ้าเธอฆ่าตัวตายหลังจากที่ได้รับเลือกเป็นหกบุบผาจะไม่นับเป็นการทำตามสัญญาและลูกสาวเธอจะต้องตายเช่นกัน”
เงื่อนไขข้อแรกมอร่าสามารถเข้าใจได้ แต่ข้อหลังเธอไม่เข้าใจ
ในเมื่อเท็กเนียวต้องการฆ่าหกบุบผา ทำไมถึงมีปัญหาถ้าเธอได้รับเลือกแล้วฆ่าตัวตาย
มอร่าตั้งใจจะฆ่าเท็กเนียวให้ได้ก่อนเส้นตาย
และถ้าทำไม่ได้เธอก็จะฆ่าตัวตาย แต่เงื่อนไขนี้ป้องกันไม่ให้เธอทำแบบนั้น
เธอยังคงคาใจเรื่องนี้แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกมากนัก
ถ้าตกลงกันไม่สำเร็จละก็ลูกสาวเธอจะต้องตายทันที
“เข้าใจล่ะ ชั้นยอมรับเงื่อนไขนั้น”
“งั้นมาทำสัญญากันเลยมั๊ย”
“เดี๋ยวก่อน มีอย่างนึงที่ชั้นต้องถามให้แน่ใจ
ถ้าเกิดชั้นกับแกเกิดสู้กันแล้วตายทั้งคู่ผลจะเป็นยังไง”
“อ้อถ้าเป็นแบบนั้น
ชั้นถือว่าเธอทำสำเร็จแล้วชั้นจะปล่อยลูกสาวเธอเป็นอิสระ”
“ถ้าแบบนั้น ก็ดี”
มอร่าส่งสัญญาณให้มามันน่าทำพันธะสัญญา ข้อตกลงยังไม่สิ้นสุดตราบใดที่ยังไม่ทำพันธะสัญญากับเซ้นแห่งวาจา
บอลแสงลอยจากปลายนิ้วของมามันน่าไปยังร่างของเท็กเนียว
“ชั้นเท็กเนียว ขอสาบานว่า เมื่อชั้นตาย
ปรสิตในร่างของชีเรียน่าจะตายตามไปด้วย
ถึงแม้ว่ามอร่าและชั้นจะสู้กันจนตายพร้อมกัน ปรสิตในร่างของชีเรียน่าก็จะตายเช่นกัน
ถ้าผิดคำสาบานชั้นยินดีสละชีวิตของลูกน้องชั้นทั้งหมดเป็นการตอบแทน”
“เท็กเนียว
ถ้านายต้องการเสนอชีวิตคนอื่นที่ไม่ใช่ชีวิตตัวเองเป็นในสัตย์สาบานล่ะก็
จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากคนนั้นก่อนนะ”
“งั้นหรอกเหรอ งั้นทำไงดีล่ะ?”
“ชั้นจะใช้พลังของเซ้นแห่งวาจา ยินยันเจตจำนงของลูกน้องของนายทั้งหมดว่าจะยินยอมสละชีวิตตามคำสั่งของนายมั๊ย”
มามันน่าหลับตาและนิ่งเงียบไปพักนึง หลังจากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้น
“ลูกน้องของเท็กเนียว ยืนยันว่าถ้าเป็นคำสั่งของเท็กเนียวพวกเค้ายินดีที่จะตาย
พันธะสัญญามีผลแล้ว”
ร่างของเท็กเนียวเปล่งแสงอีกครั้งเป็นสัญญาณว่าพันธะสัญญาแรกเสร็จสิ้น
“ชั้น เท็กเนียว ขอสาบานว่า
เมื่อมาร่าฆ่าหนึ่งในหกบุบผาชั้นจะฆ่าปรสิตที่อยู่ในร่างชีเรียน่า
หากผิดสัญญาชั้นยินดีสละชีวิตเป็นการแลกเปลี่ยน
นอกจากนั้นถ้ามอร่าฆ่าตัวตายจะถือว่าผิดเงื่อนไขสัญญาและชีเรียน่าจะต้องตาย”
“มอร่าเธอยอมรับเงื่อนไขนี้มั๊ย”
“ชั้นยอมรับเงื่อนไข” มอร่ายืนยัน พันธะสัญญาที่2เสร็จสิ้น
“ชั้นเท็กเนียว ขอสาบานว่าจนกว่าจะถึงวันที่ 22
นับจากวันที่จอมมารตื่น จะไม่มีปีศาจตัวไหนเข้าไปยุ่งหรือทำอันตรายชีเรียน่า
ถ้าผิดคำสัญญาชั้นยินดีสละชีวิตเป็นการแลกเปลี่ยน”
“แต่ในกรณีที่มอร่าตายก่อนวันที่ 22 นับจากจอมมารตื่น
จะถือว่าผิดเงื่อนไขและชีเรียน่าจะต้องตาย”
“ชั้นยอมรับ”
ร่างของเท็กเนียวเปล่งแสงเป็นสัญญาว่าพันธสัญญาทั้งหมดเสร็จสิ้น
จากพันธะสัญญาทั้งหมด มอร่าจะต้องฆ่าเท็กเนียวให้ได้ภายใน 22
วันนับจากวันที่จอมมารตื่นขึ้น ไม่เช่นนั้นเธอต้องฆ่าหนึ่งในหกบุบผา ไม่เช่นนั้น
ชีเรียน่าจะต้องตาย
“งั้นชั้นขอตัวกลับไปที่เขตแดนปีศาจก่อนล่ะนะ ขอให้โชคดี
แล้วพบกันใหม่”
เท็กเนียวลุกขึ้นเดินออกไปยังประตูปราสาท ทันใดนั้นเองมอร่าก็ลุกขึ้น
ถีบเก้าอี้และง้างหวัดพุ่งเข้าไปหาเท็กเนียว
“เหวอออ” เท็กเนียวร้องออกมาขณะที่รับหมัดของมอร่า
มอร่าพยายามจะโจมตีอีกครั้งแต่
เท็กเนียวก็หนีออกไปทางหน้าต่างและหายไป
“..........มอร่า เธอตั้งใจจะฆ่าหกบุบผาจริงๆเหรอ”
“ไม่มีทาง ชั้นจะฆ่าเจ้าปีศาจนั่นเพื่อช่วยลูกสาวชั้น แค่นั้นล่ะ”
มอร่ายังคงมองตามเท็กเนียวไปในความมืด พูดได้ว่าการเจรจาจบลงด้วยดี
อย่างน้อยตอนนี้ชีวิตชีเรียน่าก็ปลอดภัย และถ้าเธอสามารถฆ่าเท็กเนียวได้
เธอก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าหกบุบผา นอกจากนั้นเท็กเนียวยังโกหกเธอไม่ได้อีกด้วย
แต่ว่ามันจะไม่เป็นไรจริงๆเหรอ มอร่าคิด
เธอรู้สึกว่าเท็กเนียววางแผนอะไรบางอย่างอยู่
......................................................................
เท็กเนียวต้องการจะบอกชั้นว่าชีวิตของชีเรียน่าเหลืออีกแค่ 2
วันแน่นอน แต่มันหมายความว่ายังไง?
มอร่าคิดหาคำตอบระหว่างที่เธอตามเฟรมี่ไป
ตามพันธะสัญญา ชั้นมีเวลาภายใน 22 นับจากวันที่จอมมารตื่นขึ้น นี่พึ่งวันที่
13 มันยังเหลืออีก 9 วันไม่ใช่เหรอ
คำสาบานต่อเซ้นแห่งว่าจาไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้
ต่อให้มามันน่ารู้เห็นกับเท็กเนียวก็ตาม คำสาบานก็ไม่มีทางเปลี่ยนได้
ความจริงที่ว่าเหลืออีก 9 วันไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
“....เท็กเนียว”
เท็กเนียวสาบานว่าจะไม่โกหกเธอ ไม่เช่นนั้นเค้าจะตาย
ดังนั้นเค้าไม่ได้เท็กเนียวไม่ได้โกหกแน่นอน
มันจะเหลือเวลาแค่ 2 วันได้ยังไง
แล้วชั้นจะฆ่ามันได้ทันมั๊ย?
<< จบ Chapter
2 – Part3>>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น