28 กุมภาพันธ์ 2559

(Light Novel) Rokka no yuusha Vol.2 Chapter 4 - Part 2 (Completed 31%)(แปลไทย)


อัลเล็ตกำลังเปิดกล่องเครื่องมือ เพื่อเติมอาวุธลับต่างในกระเป๋าที่เอว
“อัลคุง ชั้นพร้อมแล้วนะ” โรโรเนียตะโกนบอก
อัลเล็ตเป็นคนบอกให้ทุกคนรีบแต่เค้ากลับเป็นคนที่ช้าที่สุด เค้ารีบนำอาวุธลับต่างๆใส่กระเป๋า
“อัลเล็ต นายเอานี่ไปด้วย”
เฟรมี่ ยืนพลุเล็กๆให้เค้า 2 อัน มันเป็นพลุสัญญาณเหมือนกับที่เค้าเคยใช้ในป่าหมอก ถ้าเค้าจุดมันเฟรมี่จะสามารถรับรู้ได้ทันที
“ชั้นสลักหมายเลขลงไปในแต่ละอัน อันที่สลักหมายเลข 1 เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ ถ้านายจุดมันพวกเราจะปิดม่านพลังและไปช่วยนายทันที หมายเลข 2 ไว้สำหรับติดต่อ ให้จุดเมื่อนายเจออะไรบางอย่างแล้ว”
“เข้าใจล่ะ ชั้นคิดว่าคงไม่ต้องใช้พลุเลข 1 ล่ะนะ”
อัลเล็ตยืนขึ้นและมุ่งหน้าออกจากถ้ำ โดยโกดอฟยืนรอเค้าอยู่ที่หน้าถ้ำแล้ว ด้วยสีหน้าไร้วิญญาณเช่นเดิม
“พวกปีศาจเป็นยังไงบ้าง?” อัลเล็ตถามมอร่า ซึ่งกำลังกำหมุดที่ปักอยู่บนพื้นเพื่อถ่ายพลังอยู่
“ครึ่งนึงอยู่กับเท็กเนียวทางตะวันออกเฉียงใต้ นอกนั้นกระจายอยู่รอบๆแต่ไม่มากนัก”
“ชั้นอยากจะแอบออกไปโดยไม่ให้พวกมันรู้ตัวถ้าเป็นไปได้ มีทางไหนที่พอจะทำแบบนั้นได้มั๊ย?” อัลเล็ตถาม
“ง่ายจะตาย” ชามอสตอบขึ้นทันที “เด็กๆของชามอสจะดึงความสนใจให้เอง พวกนายก็รีบออกไปตอนนั้นซะ”
อัลเล็ตตกใจเล็กน้อย เค้าไม่คิดว่าชามอสจะเสนอตัวให้ความร่วมมือเองแบบนี้
“ชั้นก็จะคอยเฝ้าระวังรอบๆให้เองไม่ต้องห่วง”เฟรมี่พูดพลางหยิบปืนของเธอขึ้นมา
“งั้นก็กันเถอะ เวลาเรามีไม่มากแล้ว เราต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนที่เท็กเนียวจะเริ่มเคลื่อนไหว” อัลเล็ตพูด และทั้งหมดก็มุ่งหน้าออกไปยังเนินเขา
ด้วยความช่วยเหลือของมอร่า ชามอส และ เฟรมี่  กลุ่มของอัลเล็ตค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านป่าอันมืดมืดไปอย่างเงียบเชียบ
“มีพวกปีศาจ 3 ตัวอยู่ด้านหน้าพวกนาย” มอร่าใช้พลังของเธอแจ้งแก่พวกเค้า “พวกนายผ่านมันไปโดยไม่ให้มันไม่รู้ตัวไม่ได้แน่ จัดการมันซะ”
พวกเค้าเห็นเงาปีศาจลางๆอยู่ด้านหน้า อัลเล็ตขว้างลูกดอกยาชาไปที่พวกปีศาจ และก่อนที่เสียงร้องของพวกปีศาจจะเปล่งออกมาจากลำคอ ฮาน และ โกดอฟก็กำจัดมันอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะที่นี้ พวกนายก็วิ่งไปจนสุดขอบม่านพลังได้เลย ไม่มีใครมาขวางทางพวกนายแล้ว”
“เข้าใจล่ะ”
ชั้นจะประมาทไม่ได้ อัลเล็ตคิดระหว่างที่วิ่งอยู่ คนที่7ต้องพยายามทำอะไรบางเพื่อปกป้องเท็กเนียวแน่นอน ถ้าเค้าเข้าใกล้ความจริง ฮาน โรโรเนีย โกดอฟ ถ้าใครซักคนในนี้คือคนที่ 7 คนๆนั้นจะต้องหมายเอาชีวิตเค้าแน่ๆ
เมื่อลงเขามาแล้วพวกเค้าก็พบกับกำแพงแสงขนาดใหญ่ที่เกิดจากม่านพลังของมอร่า พวกเค้าตรวจสอบอีกครั้งว่าไม่มีใครตามมาและออกจากม่านพลังไป


..................................................................................
มอร่าใช้ความสามารถของเธอเฝ้ามองทั้ง 4 คนจนกระทั่งออกจากขอบเขตของภูเขาไป
เมื่ออกจากเขตภูเขาแล้ว พลังของเธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรพวกเค้าได้แล้ว
“พวกเค้าออกไปได้แล้ว ไม่มีปัญหา”
“ยอดเลย ชามอสว่าแล้วว่าต้องทำได้ล่ะนะ” ชามอสพูด
ปัญหาต่อมาคือ เมื่อพวกอัลเล็ตเจอเงื่อนงำแล้ว จะสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยได้มั๊ย ถ้าหากทำไมได้ล่ะก็ทั้งหมดที่พยายามทำไปก็จะสูญเปล่า
ไม่มีพวกปีศาจอยู่ในบริเวณใกล้เคียง บรรยากาศปกคลุมไปด้วยความเงียบ เฟรมี่ยังคงเฝ้ามองไปยังทิศที่อัลเล็ตมุ่งหน้าไป
“มีอะไรรึเปล่าเฟรมี่?” มอร่าถามแต่เฟรมี่ไม่ตอบ เธอละสายตาจากจุดนั้นและเดินถอยห่างออกไปจากมอร่าและชามอส
“เธอเป็นห่วงอัลเล็ตเหรอ เฟรมี่” มอร่าถามขณะที่มือยังกำหมุดอยู่
หลังจากเงียบอยู่ซักพักเฟรมี่ก็พูดขึ้น “ชั้นไม่เข้าใจหมอนั่นเลยจริงๆ”
“ทำไมล่ะ เค้าก็เป็นคนที่ไว้ใจได้นะ”
“ตอนนี้อัลเล็ตนั่นคือคนเดียวที่เรามั่นใจได้ว่าเป็นหกบุบผาตัวจริง และในสถาณการณ์ที่คนที่ 7 จ้องเล่นงานเราอยู่แบบนี้ หมอนั่นยังจะทำอะไรเสี่ยงๆแบบนี้อีก ชั้นไม่เข้าใจจริงๆ”
“ชั้นว่านั่นคือจุดมุ่งหมายของอัลเล็ตนะ ชั้นว่าเค้าตั้งใจให้คนที่ 7 มุ่งเป้าไปที่เค้า”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ชั้นจะซัดหมอนั่นเดี๋ยวนี้ล่ะ” เฟรมี่พวกด้วยท่าทางโกรธอย่างชัดเจน แต่มอร่ากลับเห็นว่าปฏิกิริยาของเธอแบบนี้ก็น่ารักดี
“เธอชอบอัลเล็ตเหรอ?”
“....”
เฟรมี่เงียบไปอีกครั้ง แต่มอร่าก็ไม่ได้คาดคั้นคำตอบ ส่วนชามอสก็นั่งมองทั้งสองคุยกันอยู่ห่างๆ
“ชั้นเกลียดหมอนั่น หมอนั่นน่ะ ชอบทำอะไรให้ชั้นหงุดหงิดตลอด”
“ทำไมล่ะ?”
 “ถึงชั้นจะเป็นห่วงยังไง หมอนั่นก็ไม่เคยใส่ใจ แถมยังพยายามไม่ให้ชั้นเข้าไปยุ่ง ไม่เคยคิดจะเข้าใจความรู้สึกชั้นซักนิดเดียว”
“นั่นสินะ...”
“ตอนที่ชั้นอยู่กับหมอนั่น ความรู้สึกเดียวที่ชั้นมีคือความไม่สบายใจ หัวใจของชั้นเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นหมอนั่นบาดเจ็บ และหมอนั่นก็มักจะทำให้ชั้นหงุดหงิดทุกครั้งที่คุยกัน ชั้นน่ะทั้งรู้สึกสงสาร และสังเวชเค้าในเวลาเดียวกัน”
“ความสัมพันของพวกเธอเป็นแบบนั้นเองสินะ”
“ชั้นอยากจะขจัดความรู้สึกพวกนี้ออกไป ชั้นอยากจะลืมหมอนั่นให้ได้ ชั้นแอบหวังว่าถ้าการไปครั้งนี้จะช่วยทำให้เค้าหายไปจากชีวิตชั้นเลยก็จะดีมาก”
เฟรมี่พูดพลางมองไปยังทางที่อัลเล็ตมุ่งหน้าไปอีกครั้ง
“ชั้นว่าโรโรเนียคงไม่รู้สึกแบบชั้นหรอก”
แน่ล่ะ โรโรเนียน่ะเป็นเด็กสาวที่อ่อนโยน ผิดกับเฟรมี่ มอร่าคิด
“ชั้นอยากรู้ว่าความรักคืออะไร” “บางครั้งเท็กเนียวก็ถามชั้นแบบนั้น
“เท็กเนียวงั้นเหรอ?”
“ความรัก เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่มนุษย์สร้างขึ้นที่อยู่ภายในจิตใจของพวกนั้น ดังนั้นถ้าอยากจะจัดการมนุษย์ให้ได้เธอต้องเข้าใจความรักของมนุษย์ก่อน”
“หมอนั่นว่างั้นเหรอ?”
“ตอนนั้นชั้นไม่รู้ว่าเค้าหมายถึงอะไร แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้” เฟรมี่พูดพลางเอามือกดที่หน้าอก “ถ้าสิ่งที่ชั้นรู้สึกตอนนี้คือความรักล่ะก็ งั้นชั้นก็ไม่เข้าใจมนุษย์เลย ชั้นไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเค้าจะต้องให้ความสำคัญกับคนที่ทำให้เค้าต้องเจอกับความรู้สึกแบบนี้ด้วย”
“นั่นเป็นคำถามที่ตอบยากนะ...”
“ชั้นควรจะทำยังไงดี? ชั้นจะทำยังไงถ้าหมอนั่นเป็นอะไรไป?” พูดจบเฟรมี่ก็เงียบไปอีกครั้ง มอร่าได้แต่มองเธออยู่เงียบๆ
“ดูเหมือนชั้นจะพูดมากไปแล้ว...” เฟรมี่พูดพลางลุกขึ้นและเดินกลับเข้าไปในถ้ำ

.....................................................................
ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นมอร่าไม่ใช้ Second Sight เพราะเธอพึ่งผ่านการต่อสู้ที่ยาวนานมา และอยากจะพักซักครู่
นั่นคือสาเหตุที่เธอไม่ได้ยินถึงสิ่งที่เท็กเนียวพูดกับเธอที่ริมขอบของม่านพลัง
“เฮ้ สวัสดี!” เท็กเนียวพูดด้วยเสียงเบาโดยเอามือปิดปากตนเองอยู่
“สวัสดี มอร่า!” หลังจากพยายามเรียกอยู่หลายครั้งเท็กเนียวก็เอียงคอด้วยความสงสัย “แปลกแฮะ เธอหลับเหรอ?”
“ชั้นเหงานะถ้าเธอไม่ตอบชั้นน่ะ” “นี่ชั้นพยายามจะช่วยเธอฆ่าหนึ่งใน หกบุบผาอยู่นะ”
เท็กเนียวยังคงพยายามเรียกมอร่าต่อไป “ถ้าเธอไม่รีบฆ่าใครซักครล่ะก็ ชั้นกลัวว่าไวเวิร์นจะฆ่าชีเรียน่าจังซะก่อนนะ”
แต่ก็ยังไม่มีวี่แววอะไรตอบกลับมา เท็กเนียวเอียงคอด้วยความสงสัยและหยุดเรียกไป
.............................................................................
“ทุกคนยังไหวใช่มั๊ย?”
อัลเล็ตถามขึ้นระหว่างที่พวกเค้ามุ่งหน้าไปยังเนินเขา ในมือเค้าถืออัญมณีเรืองแสงที่ได้รับจากเฟรมี่ไว้
 “สบายมาก เมี๊ยว ว่าแต่ข้างหน้ามีหน้าผานะ ระวังด้วย”
“เราต้องไปทางไหนต่อคะ?” โรโรเนียถามขึ้น
พวกอัลเล็ตไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปยังเนินเขาทันที พวกเค้าแวะขึ้นเนินเขาเล็กๆแถวนั้นและมองกลับไปยังบริเวณภูเขาที่ออกมา
ม่านพลังส่องแสงเรืองๆล้อมรอบภูเขาไว้ และพวกเค้าเห็นพวกปีศาจจำนวนหนึ่งบริเวณนั้น เสียงร้องของพวกมันได้ยินมาถึงบริเวณที่พวกเค้าอยู่
“นายคิดว่าไง ฮาน?”
“ดูเหมือนมอร่าจะไม่ได้โกหกพวกเรานะ ชั้นว่าเราคงไว้ใจเธอได้ล่ะนะ”
ถึงแม้มอร่าจะช่วยบอกการเคลื่อนไหวของพวกปีศาจให้กับพวกเค้าก็ตาม แต่พวกเค้าก็ไม่อาจเชื่อทุกอย่างที่เธอบอกได้หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองก่อน
“พวกมันทำอะไรอยู่นะ”
“น่าจะพยายามทำลายม่านพลังอยู่ล่ะนะ”
พวกปีศาจพุ่งเข้าใส่ม่านพลัง เมื่อร่างของมันปะทะม่านพลังก็เกิดการลุกไหม้ พวกมันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
นี่พวกมันตายกันไปเท่าไรแล้วนะ อัลเล็ตคิด

“เราจะมามัวเสียเวลาที่นี่นานไม่ได้ ไปกันต่อเถอะ”

1 ความคิดเห็น: