เมื่อ 3 ปีก่อน หนึ่งวันหลังจากที่มอร่าได้ทำข้อตกลงลับกับเท็กเนียว
“นี่มันบ้าชัดๆ!”
เสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดดังออกมาจากห้องของมอร่าที่วิหารหลัก เจ้าของเสียงนั้นคือหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับมอร่า
เธอยืนขึ้นพร้อมกับชกกำปั้นลงที่โต๊ะอย่างแรงจนโต๊ะหักเป็น 2 ท่อน
หลังจากนั้นซากโต๊ะที่หักก็กลายสภาพเป็นผงเกลือกองอยู่พื้น
“ไวเวิร์น อย่าทำลายข้าวของชั้นสิ” มอร่าพูดกับ ไวเวิร์น โคทัว
เซ้นแห่งเกลือ
ไวเวิร์น โคทัว อายุ 25 ปี เซ้นแห่งเกลือ
เธอมีผิวสีน้ำตาลอ่อน และผมยาวสลวยสีดำ
ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
เธอสวมเสื้อคลุมยาวที่ตัดบริเวณแขนออกเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่แขนได้ชัดเจน
เกลือนั้นมีพลังที่จะชำระล้างและขับไล่ความชั่วร้าย
ดังนั้นในทุกยุคสมัยเซ้นแห่งเกลือ
จะมีความสามารถในการสร้างม่านพลังที่จะป้องกันพวกปีศาจ
และสามารถต่อต้านพิษในเขตแดนปีศาจได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ไวเวิร์น มีความสามารถที่จะเปลี่ยนศัตรูให้เป็นผงเกลือได้
มันเป็นความสามารถที่นับว่าหาได้ยากยิ่งในมีเพียงเซ้นแห่งเกลือบางรุ่นเท่านั้นที่จะมีความสามารถนี้ปรากฏขึ้นมา
มอร่าเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับข้อตกลงลับของเธอกับเท็กเนียวให้ไวเวิร์นฟัง
ตอนแรกไวเวิร์นรู้สึกตกใจต่อสิ่งที่ได้ยิน แต่ต่อมามันก็เปลี่ยนเป็นความโกรธ
แต่เธอไม่ได้โกรธมอร่าที่ทำสัญญาแบบนั้นกับพวกปีศาจ แต่เธอโกรธเท็กเนียวที่ใช้ลูกสาวของเธอเป็นตัวประกัน
“หัวหน้า! ทำไมคุณยังใจเย็นอยู่ได้คะ? ทำไมคุณไม่ฆ่ามันซะเลย!”
“มันหนีไปน่ะสิ
อีกอย่างมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ระดับที่ชั้นจะสามารถชนะได้ด้วยตัวคนเดียว”
“บ้าเอ้ย!”
พวกแม่บ้านเข้ามาเก็บกวาดผงเกลือที่เกลื่อนพื้นห้อง และนำโต๊ะตัวใหม่เข้ามาแทน
มอร่ารอจนแน่ใจว่าพวกแม่บ้านออกไปหมดแล้วจึงกำลังจะเริ่มพูดต่อ
แต่ไม่ทันที่เธอจะอ้าปากไวเวิร์นก็หันหลังและกำลังจะเดินออกไป
“เธอจะไปไหนน่ะ?”
“แน่อยู่แล้วนี่คะ? ชั้นจะไปฆ่าไอ้ปีศาจนั่น
คุณก็ควรมากับชั้นนะคะหัวหน้า!”
“ใจเย็นๆก่อน เธอรู้เหรอว่ามันอยู่ที่ไหน?”
“มันต้องซ่อนอยู่ในเขตแดนปีศาจอยู่แล้วค่ะ
ชั้นจะใช้พลังของชั้นเข้าไปจัดการมัน และอาจจะพา ชอมอส แอสลี่ องค์หญิง กับ
ท่านหญิง ลิอูล่าไปด้วย เป็นการเปิดม่านสงครามให้กับเหล่าหกบุบผาไปด้วยเลย”
“เธอบ้าไปแล้วเหรอ พลังของเธอช่วยให้เธออยู่ในเขตแดนปีศาจได้อย่างมากสุดก็แค่
2 วันเท่านั้นนะ เวลาแค่นั้นน่ะไม่พอหรอก”
“บ้าเอ้ย!”
ไวเวิร์นยอมแพ้และกลับมานั่งที่โซฟา
มอร่าให้ความไว้ใจไวเวิร์นที่สุด เธอซื่อตรงเป็นคนที่ไม่ตีสองหน้า และเก็บความลับได้
เมื่อเธอสัญญาอะไรแล้วเธอจะไม่มีวันผิดสัญญาเด็ดขาด
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนหุนหันพันแล่น ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังก็ตาม แต่ในหมู่เซ้นทุกคนที่นี่เธอเป็นคนเดียวที่มอร่าสามารถเล่าทุกอย่างให้ฟังได้
“แล้วเชเรียน่าจังสบายดีรึเปล่าคะ?”
“เธอก็พึ่งเจอไปไม่ใช่เหรอ เธอสบายดีไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“พวกแม่บ้านกำลังสอนเธอเขียนหนังสือ เธอเป็นเด็กดีนะคะ
นี่เธอรู้เรื่องนี้รึเปล่าคะ”
“เธอไม่รู้หรอก เธอแค่คิดว่าพึ่งฟื้นจากอาการป่วยเท่านั้นล่ะ”
“เฮ้ออ” ทั้งสองถอนหายใจพร้อมกัน
“มีอะไรที่ชั้นพอช่วยได้บ้างคะ หัวหน้า? อะไรก็ได้ บอกมาเถอะค่ะ” ไวเวิร์นต้องการจะช่วยเธอด้วยใจจริง
นี่ก็เป็นข้อดีอีกข้อของเธอ
“ตอนนี้ชั้นต้องขอเก็บตัวฝึกฝนซักพัก ด้วยพลังของชั้นตอนนี้ยังไม่สามารถจัดการกับเท็กเนียวได้
ระหว่างนี้ชั้นขอฝากวิหารหลักให้เธอดูแลด้วยนะ”
“วางใจเถอะค่ะ หัวหน้า คุณไม่จำเป็นต้องขอชั้นเรื่องนี้หรอก”
ไวเวิร์นพูดพลางชกกำปั้นเข้าหากัน
“เท็กเนียวอาจจะเข้ามาข่มขู่เพื่อทำข้อตกลงกับเซ้นคนอื่นๆก็ได้
เพื่อความไม่ประมาท เธอร่วมมือกับมามันน่าช่วยตรวจสอบที
ลองดูว่ามีใครที่ตกอยู่ในสถาณการ์เดียวกับชั้นรึเปล่า”
“ไม่มีปัญหาค่ะ หัวหน้า ทำใจให้สบายและตั้งใจฝึกเถอะค่ะ”
มอร่าได้ฝากกันเนอร์ให้ช่วยไวเวิร์นอีกแรงแล้ว
คงไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก แต่ตอนนั้นเองไวเวิร์นก็พูดบางอย่างด้วยน้ำเสียงลังเล
“หัวหน้าคะ ชั้นขอถามอะไรอย่างได้มั๊ย?”
“อะไรล่ะ?”
“จริงๆก็ไม่ควรถามหรอกค่ะแต่ว่า.........”
ไวเวิร์นมีท่าทีลังเลอยู่ซักพัก
เหมือนกำลังพยายามพูดอะไรบางอย่างที่ยากจะเอ่ยออกมา
“ถ้าหัวหน้าฆ่าเท็กเนียวไม่ได้ก่อนเส้นตาย
และคุณไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากฆ่าหนึ่งในหกบุบผา คุณจะทำยังไงคะ?”
“ไม่มีทางหรอก ชั้นจะฆ่าเท็กเนียวได้แน่”
“.....จริงสินะคะ ขอโทษที่ถามอะไรแบบนี้...”
“เลิกอ้อมค้อมได้แล้ว แล้วพูดมาตรงๆเถอะ ชั้นไม่โกรธเธอหรอก” มอร่าพูด
ไวเวิร์นหายใจเข้าลึกๆ และพูดออกมา “หัวหน้า
ถ้าคุณฆ่าเท็กเนียวไม่ได้ภายในกำหนดเวลา
คุณจะฆ่าหนึ่งในหกบุบผาเพื่อช่วยเชเรียน่ามั๊ยคะ?” ไวเวิร์นจ้องมอร่า “เพราะถ้าหัวหน้า
จะทำแบบนั้นชั้นคงไม่มีทางเลือกนอกจากฆ่าคุณเพื่อปกป้องโลกใบนี้
ถึงแม้ว่าเชเรียน่าจังจะสำคัญสำหรับชั้นเช่นกัน
แต่ชั้นไม่ยอมแลกโลกทั้งโลกกับเธอหรอกนะคะ”
“วางใจเถอะ ชั้นไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอก”
“ขอโทษค่ะ ชั้นไม่ควรจะถามแบบนั้นจริงๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก เป็นเรื่องปรกติที่ต้องถามอยู่แล้วล่ะนะ”
“หัวหน้าคะ คุณเป็นคนเดียวที่ชั้นเชื่อมั่น ชั้นเชื่อว่าคุณต้องจัดการกับเท็กเนียวและช่วยเชเรียน่าได้แน่นอนค่ะ”
ไวเวิร์นพูดด้วยรอยยิ้ม “ชั้นก็เป็นห่วงเชเรียน่า พอๆกับที่ชั้นเป็นห่วงคุณล่ะค่ะ”
มอร่าพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
................................................................................................
เป็นเวลา 3 ชม. แล้วตั้งแต่ฮานและโกดอฟออกไปสู้กับพวกปีศาจ
ตอนนี้รุ่งอรุณของวันใหม่ฉายแสงออกมาอีกครั้ง
“ฮานกลับมาในม่านพลังก่อน นายอาจจะไม่รู้ตัวแต่นายดูเหนื่อยนะ
และการเคลื่อนไหวของนายก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ”
มอร่าสั่งการผ่านเสียงสะท้อนแห่งขุนเขา
“เมี๊ยว คงจะเป็นอย่างนั้น
ชั้นก็กำลังคิดว่าน่าจะถึงเวลาถอยแล้วอยู่เหมือนกัน”
ตำแหน่งของฮานในตอนนี้อยู่ห่างจากม่านพลังของบุบผานิรันดิ์มาก
มอร่าจึงใช้ Second sight ช่วยหาทางหนีให้กับเค้า
“ปีนลงเข้ามา แล้วรีบวิ่งลงมาด้านล่าง
มีพวกปีศาจดักอยู่แต่ชั้นจะส่งชามอสไปช่วยพวกนาย”
“เมี๊ยวเข้าใจล่ะ เอ้า ไปกันเถอะโกดอฟตามชั้นมา”
หลังจากนั้นมอร่าก็หันไปยังชามอสซึ่งกำลังพยายามยัดซากสัตว์เข้าปากอยู่
“เธอสั่งการพวกจูม่าได้ใช่มั๊ย? ช่วยส่งมันไปช่วยพวกฮานหน่อยสิ”
“เข้าใจล่ะ” ชามอสตอบ เธออาเจียนเอาจูม่าออกมาจำนวนหนึ่งและส่งพวกมันขึ้นไปบนเขา
แต่มอร่าสังเกตุเห็นว่าตัวของจูม่าดูมีอะไรเงาๆเคลือบอยู่ต่างจากก่อนหน้านี้
นอกจากนี้รอบๆตัวชามอส
ก็มีโครงกระดูกเต็มไปหมด ดูเหมือนเธอจะกินสัตว์ทั้งหมดที่เธอจับได้เข้าไปหมดแล้ว
“เอิ๊ก อย่างที่คิด นี่ไม่สนุกเลยจริงๆ” ชามอสพูดพลางเรอออกมาเสียงดัง
“นี่เธอทำอะไรน่ะชามอส?”
“ชามอสสกัดน้ำมันจากสัตว์ออกมา”
“น้ำมันงั้นเหรอ?” มอร่าถามพลางเอียงคอด้วยความสงสัย
“ผงสีเงินพวกนั้นน่ะ จะทำปฏิกิริยากับน้ำ และทำให้เกิดความร้อนสูงขึ้น
เพราะงั้นชามอสเลยคิดว่า ถ้าเอาน้ำมันหุ้มตัวเด็กๆเอาไว้ ผงสีเงินนั้นก็น่าจะทำอะไรเด็กๆของขามอสไม่ได้น่ะ”
เข้าใจล่ะ เป็นไอเดียที่มีแต่เธอเท่านั้นที่จะคิดได้จริงๆด้วย
มอร่าคิด
“ชามอสก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะได้ผลมั๊ย
แต่ชามอสคิดว่าชามอสน่าจะจัดการได้ล่ะน่า”
“นี่เธอตั้งใจจะไปสู้เท็กเนียวคนเดียวเหรอชามอส?”
“อื๊ออ ชามอสจะรอไปพร้อมทุกคน ชามอสไม่ใช่เด็กๆแล้ว ชามอสรอได้”
ชามอสพูดพลางส่ายหน้า
มอร่ายิ้ม ชามอสเติบโตขึ้นจริงๆ
“เธอเป็นเด็กดีชามอส ถึงบางครั้งจะทำผิดพลาดไปมั่งก็ตาม”
มอร่าพูดพลางลูบหัวชามอส แต่ชอมอสเอาหัวหลบอย่างไม่พอใจ “ชามอสบอกแล้วนะว่าชามอสไม่ใช่เด็กๆแล้ว”
ระหว่างที่เธอกำลังคุยกับชามอสอยู่นั้น เธอก็ใช้ second sight สำรวจภูเขาอยู่ตลอด
ตอนนี้จูม่าของชามอสไปสมทบกับฮานและโกดอฟ ตอนนี้ทั้งหมดกำลังมุ่งหน้ากลับมาที่นี่
มอร่าลองสำรวจบริเวณรอบๆต่อไป แต่แล้วเธอก็มาสะดุดกับสิ่งหนึ่ง
ร่างกายของเธอสั่นโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่เธอเห็นคือ เท็กเนียว กำลังเดินอยู่บริเวณตะวันออกของภูเขา
ท่าทางเดินของมันเหมือนกำลังเดินเล่นอยู่
เท็กเนียวกำลังคุยอยู่กับพวกปีศาจที่มาด้วยกัน 2
ตัวในนั้นเป็นปีศาจตัวใหญ่ ตัวนึงเป็นสัตว์เลื้อยคลายที่มีปากขนาดใหญ่
อีกตัวมีรูปร่างคล้ายแมงกะพรุนยัก
นอกจากนี้ยังมีปีศาจลิง ที่มีขนสีรุ้ง
และปีศาจอีกตัวหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์เพียงแต่ร่างทำจากหิน
“ไม่น่าเชื่อจริง ชามอส รอสโซ
ตัวจริงนี่ต่างจากที่ชั้นได้ยินมาลิบลับเลย”
“ชั้นอยากรู้จริงๆว่าในท้อง ยัยนั่นเป็นยังไง”
“แค่เห็นยัยนั่นชั้นก็เกือบจะปล่อยฮา ออกมาแล้ว รูปร่างแบบนั้น ยัยนั่นเป็นมนุษย์จริงๆเหรอ
ฮ่าๆๆ”
เท็กเนียวกำลังคุยกับปีศาจลิงอยากสนุกสนาน
เหมือนเค้าแค่เดินเล่นเรื่อยเปื่อย และคุยเล่นไปเรื่อยจริงๆ
“ถ้าเราฆ่าชามอสได้ พวกปีศาจที่เธอควบคุมจะเป็นอิสระมั๊ยนะ?”
“ไม่เห็นจะต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นเลย
ยังไงพวกนั้นก็เป็นสมุนของคากิคทั้งนั้น” เท็กเนียวตอบ “อยากรู้จังว่ามอร่าจะฆ่าใครไปรึยัง”
“ไม่มีรายงานเรื่องนั้นเลยครับ พวกนั้นคงยังสับสนกันอยู่” ปีศาจลิงตอบ
เท็กเนียวยักไหล่พลาง “ไม่ว่าเธอจะโง่ขนาดไหนก็ตาม
แต่ในที่สุดเธอก็ต้องเข้าใจว่า “ไม่มีเวลาเหลือแล้ว” คืออะไรอยู่ดี
อยากรู้จังชั้นต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าเธอจะรู้ตัว?”
ระหว่างที่ฟังพวกนั้นคุยกันอยู่
มาร่าก็สั่นไปดว้ยความโกรธ เท็กเนียวรู้แน่ว่าเธอฟังอยู่
“มอร่าจะฆ่าพวกเดียวกันได้จริงๆเหรอครับ?”
“ก็อาจต้องกระตุ้นอีกนิดหน่อย แต่ว่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเวลาล่ะนะ
รออีกหน่อยก็ไม่เสียหลาย”
ระหว่างที่เท็กเนียวยังคุยกันอยู่นั้น
“นี่ มีอะไรเหรอป้า?” ชามอสถามเธอจากข้างๆ
“ในที่สุดมันก็มา...” มอร่าหยิบหมุดออกมาจากกระเป๋า
มันมีขนาดประมาณนิ้วโป้งและยาวประมาณ 30 เซน บริเวณตัวหมุดมีอักษรเวทมนต์สลักอยู่
ตั้งแต่ 3 ปีก่อนที่เธอทำสัญญาลับกับเท็กเนียว
เธอก็เตรียมตัวมาตลอดเพื่อที่จะจัดการมัน เธอได้รับความร่วมมือจากเซ็นหลายคน
เพื่อช่วยเธอสร้างอาวุธชนิดต่างๆ
หมุดที่อยู่ในมือเธอก็เช่นกัน เธอสร้างมันร่วมกับไวเวิร์น
เซ้นแห่งเกลือ ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการสร้างม่านพลัง เธอเรียกสิ่งนี้ว่าม่านพลังมงกุฎเกลือ
“เท็กเนียวมาแล้ว!” มอร่าตะโกนออกไป ไม่นานนัก
พวกอัลเล็ตก็วิ่งออกมาจากถ้ำ
.....................................................................
เป็นเวลา 3 ชม. แล้วตั้งแต่ฮานและโกดอฟออกไปสู้กับพวกปีศาจ
ตอนนี้รุ่งอรุณของวันใหม่ฉายแสงออกมาอีกครั้ง
“ฮานกลับมาในม่านพลังก่อน นายอาจจะไม่รู้ตัวแต่นายดูเหนื่อยนะ และการเคลื่อนไหวของนายก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ”
มอร่าสั่งการผ่านเสียงสะท้อนแห่งขุนเขา
“เมี๊ยว คงจะเป็นอย่างนั้น
ชั้นก็กำลังคิดว่าน่าจะถึงเวลาถอยแล้วอยู่เหมือนกัน”
ตำแหน่งของฮานในตอนนี้อยู่ห่างจากม่านพลังของบุบผานิรันดิ์มาก
มอร่าจึงใช้ Second sight ช่วยหาทางหนีให้กับเค้า
“ปีนลงเข้ามา แล้วรีบวิ่งลงมาด้านล่าง
มีพวกปีศาจดักอยู่แต่ชั้นจะส่งชามอสไปช่วยพวกนาย”
“เมี๊ยวเข้าใจล่ะ เอ้า ไปกันเถอะโกดอฟตามชั้นมา”
หลังจากนั้นมอร่าก็หันไปยังชามอสซึ่งกำลังพยายามยัดซากสัตว์เข้าปากอยู่
“เธอสั่งการพวกจูม่าได้ใช่มั๊ย? ช่วยส่งมันไปช่วยพวกฮานหน่อยสิ”
“เข้าใจล่ะ” ชามอสตอบ
เธออาเจียนเอาจูม่าออกมาจำนวนหนึ่งและส่งพวกมันขึ้นไปบนเขา
แต่มอร่าสังเกตุเห็นว่าตัวของจูม่าดูมีอะไรเงาๆเคลือบอยู่ต่างจากก่อนหน้านี้
นอกจากนี้รอบๆตัวชามอส
ก็มีโครงกระดูกเต็มไปหมด ดูเหมือนเธอจะกินสัตว์ทั้งหมดที่เธอจับได้เข้าไปหมดแล้ว
“เอิ๊ก อย่างที่คิด นี่ไม่สนุกเลยจริงๆ” ชามอสพูดพลางเรอออกมาเสียงดัง
“นี่เธอทำอะไรน่ะชามอส?”
“ชามอสสกัดน้ำมันจากสัตว์ออกมา”
“น้ำมันงั้นเหรอ?” มอร่าถามพลางเอียงคอด้วยความสงสัย
“ผงสีเงินพวกนั้นน่ะ จะทำปฏิกิริยากับน้ำ และทำให้เกิดความร้อนสูงขึ้น
เพราะงั้นชามอสเลยคิดว่า ถ้าเอาน้ำมันหุ้มตัวเด็กๆเอาไว้ ผงสีเงินนั้นก็น่าจะทำอะไรเด็กๆของขามอสไม่ได้น่ะ”
เข้าใจล่ะ เป็นไอเดียที่มีแต่เธอเท่านั้นที่จะคิดได้จริงๆด้วย
มอร่าคิด
“ชามอสก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะได้ผลมั๊ย
แต่ชามอสคิดว่าชามอสน่าจะจัดการได้ล่ะน่า”
“นี่เธอตั้งใจจะไปสู้เท็กเนียวคนเดียวเหรอชามอส?”
“อื๊ออ ชามอสจะรอไปพร้อมทุกคน ชามอสไม่ใช่เด็กๆแล้ว ชามอสรอได้”
ชามอสพูดพลางส่ายหน้า
มอร่ายิ้ม ชามอสเติบโตขึ้นจริงๆ
“เธอเป็นเด็กดีชามอส ถึงบางครั้งจะทำผิดพลาดไปมั่งก็ตาม”
มอร่าพูดพลางลูบหัวชามอส แต่ชอมอสเอาหัวหลบอย่างไม่พอใจ
“ชามอสบอกแล้วนะว่าชามอสไม่ใช่เด็กๆแล้ว”
ระหว่างที่เธอกำลังคุยกับชามอสอยู่นั้น เธอก็ใช้ second sight สำรวจภูเขาอยู่ตลอด
ตอนนี้จูม่าของชามอสไปสมทบกับฮานและโกดอฟ ตอนนี้ทั้งหมดกำลังมุ่งหน้ากลับมาที่นี่
มอร่าลองสำรวจบริเวณรอบๆต่อไป แต่แล้วเธอก็มาสะดุดกับสิ่งหนึ่ง
ร่างกายของเธอสั่นโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่เธอเห็นคือ เท็กเนียว กำลังเดินอยู่บริเวณตะวันออกของภูเขา
ท่าทางเดินของมันเหมือนกำลังเดินเล่นอยู่
เท็กเนียวกำลังคุยอยู่กับพวกปีศาจที่มาด้วยกัน 2
ตัวในนั้นเป็นปีศาจตัวใหญ่
ตัวนึงเป็นสัตว์เลื้อยคลายที่มีปากขนาดใหญ่
อีกตัวมีรูปร่างคล้ายแมงกะพรุนยัก
นอกจากนี้ยังมีปีศาจลิง ที่มีขนสีรุ้ง
และปีศาจอีกตัวหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์เพียงแต่ร่างทำจากหิน
“ไม่น่าเชื่อจริง ชามอส รอสโซ
ตัวจริงนี่ต่างจากที่ชั้นได้ยินมาลิบลับเลย”
“ชั้นอยากรู้จริงๆว่าในท้อง ยัยนั่นเป็นยังไง”
“แค่เห็นยัยนั่นชั้นก็เกือบจะปล่อยฮา ออกมาแล้ว รูปร่างแบบนั้น
ยัยนั่นเป็นมนุษย์จริงๆเหรอ ฮ่าๆๆ”
เท็กเนียวกำลังคุยกับปีศาจลิงอยากสนุกสนาน
เหมือนเค้าแค่เดินเล่นเรื่อยเปื่อย และคุยเล่นไปเรื่อยจริงๆ
“ถ้าเราฆ่าชามอสได้ พวกปีศาจที่เธอควบคุมจะเป็นอิสระมั๊ยนะ?”
“ไม่เห็นจะต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นเลย
ยังไงพวกนั้นก็เป็นสมุนของคากิคทั้งนั้น” เท็กเนียวตอบ
“อยากรู้จังว่ามอร่าจะฆ่าใครไปรึยัง”
“ไม่มีรายงานเรื่องนั้นเลยครับ พวกนั้นคงยังสับสนกันอยู่” ปีศาจลิงตอบ
เท็กเนียวยักไหล่พลาง “ไม่ว่าเธอจะโง่ขนาดไหนก็ตาม แต่ในที่สุดเธอก็ต้องเข้าใจว่า
“ไม่มีเวลาเหลือแล้ว” คืออะไรอยู่ดี
อยากรู้จังชั้นต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าเธอจะรู้ตัว?”
ระหว่างที่ฟังพวกนั้นคุยกันอยู่
มาร่าก็สั่นไปดว้ยความโกรธ เท็กเนียวรู้แน่ว่าเธอฟังอยู่
“มอร่าจะฆ่าพวกเดียวกันได้จริงๆเหรอครับ?”
“ก็อาจต้องกระตุ้นอีกนิดหน่อย แต่ว่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเวลาล่ะนะ
รออีกหน่อยก็ไม่เสียหลาย”
ระหว่างที่เท็กเนียวยังคุยกันอยู่นั้น
“นี่ มีอะไรเหรอป้า?” ชามอสถามเธอจากข้างๆ
“ในที่สุดมันก็มา...” มอร่าหยิบหมุดออกมาจากกระเป๋า
มันมีขนาดประมาณนิ้วโป้งและยาวประมาณ 30 เซน บริเวณตัวหมุดมีอักษรเวทมนต์สลักอยู่
ตั้งแต่ 3 ปีก่อนที่เธอทำสัญญาลับกับเท็กเนียว
เธอก็เตรียมตัวมาตลอดเพื่อที่จะจัดการมัน เธอได้รับความร่วมมือจากเซ็นหลายคน
เพื่อช่วยเธอสร้างอาวุธชนิดต่างๆ
หมุดที่อยู่ในมือเธอก็เช่นกัน เธอสร้างมันร่วมกับไวเวิร์น
เซ้นแห่งเกลือ ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการสร้างม่านพลัง
เธอเรียกสิ่งนี้ว่าม่านพลังมงกุฎเกลือ
“เท็กเนียวมาแล้ว!” มอร่าตะโกนออกไป ไม่นานนัก
พวกอัลเล็ตก็วิ่งออกมาจากถ้ำ
.....................................................................................................
“และนี่เป็นสถาณะการทั้งหมดตอนนี้”
ฮานและโกดอฟกลับมาถึงบุบผานิรันดิ์แล้วและมอร่าพึ่งแจ้งสรุปสถาณะการณ์ให้กับทุกคนเสร็จ
“เราสามารถขังเท็กเนียวไว้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น
พวกนายหาวิธีจัดการกับมันได้รึยัง?” มอร่าถามขึ้น
อัลเล็ต โรโรเนีย เฟรมี่มองหน้ากัน และส่ายหน้า
“นี่ยังคิดอะไรไม่ออกอีกเหรอ? ใช้เวลาตั้งขนาดนั้นเนี่ยนะ?
ชามอสน่ะพร้อมแล้วนะ” ชามอสพูดพลางขมวดคิ้ว
มอร่าก็ผิดหวังที่ได้ยินแบบนั้น
เธอรู้อยู่หรอกว่าพวกเค้ามีเงื่อนงำน้อยเกินไป
แต่แต่ก็คาดหวังว่าอัลเล็ตน่าจะคิดอะไรได้ซักอย่าง
“งั้นคงไม่มีทางเลือก นอกจากพวกเราทุกคนบุกเข้าใส่มันตรงๆ”
ระหว่างที่มอร่ากำลังจะปักหมุดลงบนพื้น ฮานก็เข้ามาหยุดเธอไว้ก่อน
“เมี๊ยว ถึงเราจะบุกเข้าไปตอนนี้แล้วยังไงล่ะ?
ผลการต่อสู้ก็จะเหมือนครั้งก่อนน่ะล่ะ”
มอร่าพยายามสะบัดมือฮานออก “แต่เราไม่ได้มีโอกาสแบบนี้บ่อยๆหรอกนะ
นายจะทิ้งมันไปเหรอ?”
“การตกอยู่ในสถาณะการที่เสียเปรียบไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ
แต่ความรีบร้อนและไม่รอบคอบต่างหากที่เป็นปัญหา การเข้าไปสู้ตอนนี้น่ะมันเปล่าประโยชน์”
“นายจะบ้าเหรอฮาน! “มอร่าตะโกนออกมาอย่างลืมตัว
“เป็นอะไรไปคะ มอร่าซัง” โรโรเนียถามขึ้น
“ทำไมเธอดูรีบร้อนนักล่ะ?” เฟรมี่เสริมขึ้น
ทุกๆคนจ้องไปที่มอร่า ถ้าเธอยังเร่งเร้าอยู่แบบนี้ทุกคนต้องสงสัยเธอแน่
“ขอโทษที แต่ชั้นว่ามันชัดเจนอยู่แล้วว่าเราต้องลงมือตอนนี้
เราทิ้งโอกาสแบบนี้ไปไม่ได้หรอก”
“เธอทำตัวแปลกๆนะ อยากให้ชั้นฆ่าเธอตรงนี้เหรอ?”
เฟรมี่พูดด้วยสายตาเย็นชา ส่วนโรโรเนียก็มองเฟรมี่พลางตัวสั่น
“มอร่า ม่านพลังอยู่ได้นานขนาดไหน?” อัลเล็ตถามขึ้น
“สูงสุดน่าจะได้ประมาณ 6 ชม
แต่ชั้นก็ไม่เคยใช้มันมาก่อนไม่แน่ว่าจะรักษามันไว้ได้ตลอดรึเปล่า”
“ชั้นขอเวลา 3 ชม. ชั้นจะไขปริศนาของเท็กเนียวให้เอง
ถ้าชั้นทำไม่ได้ภายในเวลานั้น พวกเราจะไปจัดการเท็กเนียวด้วยกัน”
“นายวางแผนจะทำอะไร”
“ชั้นจะกลับไปที่เนินเขา ที่เราถูกลอบโจมตี
ที่นั่นจะต้องมีเงื่อนงำเกี่ยวกับปริศนาของเท็กเนียวอยู่แน่นอน”
จริงๆแล้วนั้น มอร่าอยากจะไปจัดการเท็กเนียวตอนนั้นเลย
เพราะจากที่เท็กเนียวพูด เธอเหลือเวลาแค่ 2 วัน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอของอัลเล็ตได้
“เข้าใจล่ะ อัลเล็ตนายไปหาเบาะแสที่นั่น
ระหว่างนั้นเราจะขังเท็กเนียวไว้ที่นี่”
มอร่าชูหมุดในมือขึ้น
“ม่านพลังนี้จะกันไม่ให้ปีศาจเข้าหรือออกจากปริเวณนี้ได้
ส่วนพวกนายจะผ่านไปได้ไม่มีปัญหา พอชั้นกางม่านพลังแล้วพวกนายก็มุ่งหน้าไปที่เนินเขาได้เลย”
“เดี๋ยวก่อน งั้นหมายความว่าชั้นก็ผ่านม่านพลังไปไม่ได้น่ะสิ?”
เฟรมี่ถามขึ้น
“ชั้นขอโทษนะเฟรมี่ ตอนชั้นสร้างมันชั้นไม่รู้เรื่องของเธอ
เธอช่วยรอที่นี่ได้มั๊ย?”
“แย่นะ เพราะบางทีอาจมีเงื่อนงำบางอย่างที่เราอาจจะหาไม่เจอถ้าไม่มีเฟรมี่ก็ได้”
อัลเล็ตพูดขึ้น
“งั้นเราค่อยเปิดม่านพลังหลังจาก เฟรมี่ซังออกไปมั๊ยล่ะคะ”
โรโรเนียถามขึ้น
“ถ้าทำแบบนั้นเฟรมี่ก็กลับเข้ามาไม่ได้น่ะสิ
เอาเถอะคงไม่มีทางเลือกนอกจากให้เฟรมี่รอที่นี่” อัลเล็ตพูดพลางถอนใจ
“งั้นชั้นจะใช้ม่านพลังแล้วนะ ตกลงมั๊ย?” มอร่าถาม และ
อัลเล็ตพยักหน้ารับ
แต่ตอนนั้นเอง ฮาน ทำหน้าแปลกๆ และเฟรมี่เองก็ทำสีหน้าคล้ายๆกัน
“พวกนายมีอะไรรึเปล่า?”
“เมี๊ยว คือชั้นมีความทรงจำไม่ค่อยดีเกี่ยวกับม่านพลังน่ะนะ”
แน่ล่ะ มอร่าคิด แต่นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนั้น
ทันใดนั้นด้วยพลังของเทพแห่งขุนเขา หมุดในมือเธอก็เรืองแสง
ตามปรกติแล้วม่านพลัง 2 อันไม่สามารถซ้อนทับกันได้ แต่ว่าม่านพลังของบุบผานิรันดิ์ที่สร้างโดยเซ้นเอกบุบผานั้น
แตกต่างจากม่านพลังอื่นๆ มันถูกยืนยันโดนเหล่าบุบผารุ่นก่อนๆแล้วว่า
จะไม่ซ้อนทับการม่านพลังอื่นๆ
ก่อนที่จะปักหมุดลงในดินมอร่าใช้ Second Sight มองดูเท็กเนียวอีกที
มันยังคงเดินเล่นอย่างสบายใจพลางพูดคุยกับพวกสมุน
มันไม่ระวังตัวซักหน่อยเลยเหรอ มอร่าแปลกใจ
“ย่ะ!”
มอร่าปักหมุดลงในดิน อักษรเวทที่สลักอยู่เรืองแสง
และพื้นดินเริ่มสั่นอย่างรุนแรง
“ขุนเขาเอ๋ย จงปลดปล่อยพลังที่ซ่อนอยู่ออกมาให้กับข้า มอร่า เชสเตอร์”
มอร่าพูดขึ้น
ภูเขาตอบสนองต่อเสียงของมอร่า พลังจากภูเขาถ่ายทอดมาสู่ตัวเธอ
นี่เป็นความสมารถรำดับสูงที่เซ้นน้อยคนจะทำได้
มอร่าดึงพลังของเกลือที่อยู่ในผืนดินขึ้นมาสร้างเป็นม่านพลังเพื่อป้องกันไม่ให้พวกปีศาจเข้าหรืออกบริเวณนั้นได้
และด้วยพลังมหาศาลจากภูเขาที่ไหลผ่านร่างเธอ ทำให้เกิดเป็นไอน้ำลอยทั่วร่าง
เธอถ่ายพลังลงไปที่หมุดผ่าน และด้วยพลังของอักษรเวทที่สลักอยู่
“มงกุฎเกลือ จงปรากฏ!”
เกิดเสียงดังสนั่นดังไปทั่วบริเวณภูเขา
จากนั้นก็มีคลื่นพลังมหาศาลกระจายออกมาจากหมุด
และพริบตาต่อมาม่านพลังที่เรืองแสงจางๆก็ปกคลุมภูเขาทั้งลูกไว้แล้ว
“ได้ผลมั๊ย?” อัลเล็ตถามขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นต้องตอบ
จากที่เห็นม่านพลังทำงานได้อย่างสมบูรณ์
ม่านพลังนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือของเซ้นแห่งเกลือและเซ้นแห่งภูเขา
หากขาดซึ่งคนใดคนหนึ่ง ม่านพลังนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
และตัวหลักสำคัญในการสร้างม่านพลังนี้ก็คือมอร่า
ถ้าเธอไม่สามารถควบคุมพลังที่เอ่อล้นออกมานี้ได้อย่างแม่นยำล่ะก็
พลังมหาศาลที่ไหลเวียนอยู่ตอนนี้คงทำลายร่างเธอเป็นเสี่ยงๆไปแล้ว
“อ๊ะ”
มอร่ามองไปที่เท็กเนียวอีกครั้ง มันกำลังมองไปที่ม่านพลังและยิ้ม
เหมือนกับว่าม่านพลังนี้ดูจะไม่เป็นปัญหาสำหรับมัน
“นี่มันม่านพลังนี่! เรียกทุกคนที่อยู่บริเวณนี้มาคุ้มกันท่านเท็กเนียวเร็ว!”
ปีศาจลิงสั่งการปีศาจตนอื่นๆ
พวกสมุนของเท็กเนียวเริ่มกระจายไปทั่วภูเขาเพื่อรวบรวมปีศาจตนอื่นๆที่อยู่โดยรอบ
“ขืนอยู่ที่นี่เราต้องถูกพวกหกบุบผาจู่โจมแน่
เราต้องรีบออกไปจากที่นี่”
“ที่แกพูดก็ถูก แต่ชั้นไม่แน่ใจว่าเราจะทำแบบนั้นได้มั๊ยนะ?”
เท็กเนียวพูดด้วยรอยยิ้มขณะที่มองไปทั่วภูเขา
“เท็กเนียวโดนขังไว้แล้ว อัลเล็ตนายรีบไปที่เนินเขาเร็วเข้า” มอร่าพูด
อัลเล็ตพยักหน้ารับ “โรโรเนีย ฮาน พวกเธอไปกับเค้าด้วย ตกลงมั๊ย”
“เมี๊ยว แน่นอน โกดอฟนายก็มาด้วยสิ
นายอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชย์อะไรน่ะนะ” ฮานพูดพลางตบหลังโกดอฟ
โกดอฟตอบแต่ดูเหมือนเค้าจะตกลง
“งั้นเราสี่คนไปล่ะ ทุกคนรีบเข้าเถอะ” อัลเล็ตพูดและวิ่งนำออกจากถ้ำไป
ระหว่างนั้น เท็กเนียวและพวกสมุน
ก็เดินมาถึงขอบม่านพลังที่คลุมภูเขาอยู่
ทว่าเมื่อร่างของพวกปีศาจสัมผัสม่านพลัง ร่างของมันก็ลุกเป็นไฟ
ทว่ามันก็ยังไม่ยอมแพ้ และพยายามจะใช่ร่างกายทำลายม่านพลังออกไป
จนในที่สุดทั้งร่างก็ไหม่เกรียมและสิ้นใจในที่สุด
“อืมม เราทำลายมันไม่ได้สินะ?” เท็กเนียวพูดพลางสำรวจซากของลูกสมุน “เป็นฝีมือมอร่าแน่ๆ
แต่เธอไม่น่าจะทำมันได้ด้วยตัวคนเดียว สงสัยไวเวินคงจะร่วมมือด้วยแน่ๆ”
เท็กเนียวสั่งการกับพวกปีศาจทั่วภูเขามารวมกันอยู่รอบตัวเค้า
“คงไม่ดีแน่ถ้าพวกเราติดอยู่ที่นี่ ทำลายม่านพลังซะ”
ทันทีที่รับคำสั่งพวกปีศาจก็จู่โจมไปที่ม่านพลังพร้อมกัน
ในขณะเดียวกันมอร่ายังนั่งคุกเข้ากำหมุดเอาไว้ในมือแน่น
ทุกครั้งที่พวกปีศาจจู่โจมม่านพลังแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดถูกส่งมายังร่างของเธอ
เธอต้องคอยถ่ายพลังผ่านหมุดเพื่อคงสภาพของม่านพลังเอาไว้
เท็กเนียวยังคงนั่งยิ้มมองดูลูกสมุนของตนจู่โจมม่านพลังจนล้มตายไปเรื่อยๆ
ไอ้ปีศาจเอ้ย มอร่าคิด
จนกว่าอัลเล็ตจะกลับมา เธอต้องปกป้องม่านพลังไว้ให้ได้
ขอร้องล่ะอัลเล็ต ชีวิตลูกสาวของชั้นขึ้นอยู่กับนายแล้วนะ....
<<จบ Chapter 4 - Part1>>
ถ้าอยาให้มีคนมาดูบอร์ดเพิ่มขึ้นลองไปลง
ตอบลบที่เว็บ nekopost ดูครับ ลงช้ากว่าบอร์ดหลัก1ตอน
แล้วใส่ลิงค์มาบอร์ดนี้ ประมาณนี้ครีบ
จำนวนคนไม่ใช่ปัญหาครับ ปัญหาคือ blog นี้ติด ads ไม่ได้ครับ - -
ลบพืมพ์ ก ตกแฮะ
ตอบลบเงะ พิมพ์ผิด2จุด
ตอบลบรอแปลหรือยังไงคะ ??
ตอบลบดูเหมือนว่าพี่แกจะเลิกแปลไปแล้วครับ ผมก็รอเหมือนกันTT
ลบคนอ่านไม่เยอะ เลยไม่ค่อยอยากแปลสักเท่าไหร่ อะไรทำนองนี้ครับ
พวกผมเป็นกำลังใจให้ ถ้าพี่อาจจะแปลต่อนะครับ^ ^ สู้ๆ นะครับ อยากอ่านมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ตอบลบแปลต่อได้ไหมครับ
ตอบลบ