มอร่า เซ็นแห่งขุนเขา หัวหน้าของเหล่าเซ้น
ทำไมเธอถึงฆ่าฮานน่ะเหรอ
เรื่องนี้ต้องย้อนไปยังอดีตของมอร่า
...............................................
มอร่าเป็นเด็กสาวที่มีความสามารถในทุกๆด้าน
เมื่อเธออายุ 19 เซ้นแห่งขุนเขาคนก่อนลงจากตำแหน่ง และมอร่าถูกเลือกเป็นเซ้นคนต่อไป
ไม่มีใครคัดค้านความสามารถของเธอ
เมื่ออายุ 26 เธอ
ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลวิหารทั้งหมด เป็นผู้ดูแลเซ้นทั้ง 78 คน
มอร่ามีทุกอย่างทั้ง เงินทอง ชื่อเสียง
ความสามารถ แต่ทุกสิ่งนั้นไม่มีความหมายกับเธอเลย
ในชีวิตเธอมีสิ่งเดียวเท่านั้นที่สำคัญที่สุด
...............................................
3 ปีก่อนจอมมารตื่นขึ้น
หลังจากมอร่าฝึกการต่อสู้ให้กับ ไวเวิน
เซ้นแห่งเกลือ นาเซทาเนียเซ้นแห่งใบมีด และ ลีน่าบี เซ้นแห่งไฟ
เธอก็กลับไปยังกระท่อมเล็กๆมุมหนึ่งของบริเวณวิหารหลัก "ชีเนียร่า
แม่กลับมาแล้ว เป็นเด็กดีรึเปล่าจ๊ะ" "หนูทำอะไรบ้างวันนี้"
"หนูเล่นเกมกระดานกับคุณพ่อค่ะ"
เด็กสาวตอบ
"แม่อยากเล่นกับหนูด้วยจังเลย"
มอร่าอุ้มลูกสาวสุดที่รักขึ้น
"หนูตัวหนักจริงๆ"
"ชีเรียน่าไม่ใช่เด็กขี้อ้อนนะ"
เสียงชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังระหว่างที่เธอกำลังอุ้มลูกอยู่
"แต่ตอนอยู่กับเธอ เด็กคนนี้ก็เปลี่ยนเป็นคนละคน"
ผู้พูดคือ กันเนอ เชสเตอ สามีของมอร่าที่แก่กว่ามอร่า 12 ปี
"ซีเรียน่าแม่เหนื่อยอยู่
อย่าไปรบกวนแม่มานี่มา" กันเนอเดินไปอุ้มลูกสาวออกมา
"ไม่เป็นไรมาเล่นกับแม่มา"
มอร่าพูดพลางอุ้มลูกคืนมาจากกันเนอ
ระหว่างที่เชเรียน่าหัวเราะล่า เพราะมอร่าอุ้มเธอขึ้นลงกลางอากาศ(เล่น
สู๊งสูง) กันเนอก็พูดขึ้น "ถ้าเชเรียน่าโตขึ้นเป็นเด็กเอาแต่ใจ
ชั้นจะโทษเธอนะ"
"พูดอะไรของเธอ
จะเอาแต่ใจบ้างจะเป็นไรไป" มอร่าเถียงกลับเธอยังคงเล่นกับเชเรียน่าต่อ
สำหรับมอร่าครอบครัวคือทุกสิ่งทุกอย่าง
ลูกสาวเธอคือแก้วตาดวงใจ เป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตเธอ
ใครที่ไม่มีลูกไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกนี้
กันเนอก็เป็นสามีที่ดี เค้าไม่มีพลังพิเศษอะไร
ทั้งความสามารถและสติปัญญาก็อยู่ในระดับคนธรรมดา แต่เค้าเป็นคนซื่อสัตย์และอ่อนโยน
เค้าคอยช่วยดูแลบ้านและช่วยเธอจัดการงานต่างๆในวิหารหลัก ถ้าไม่มีเค้ามอร่าอาจจะไม่สามารถดูแลงานนี้ได้อย่างราบรื่น
"คุณแม่เล่นอีกๆ"
มอร่ายังคงเล่นกับเชเรียน่าต่ออย่างมีความสุข ณ
เวลานั้นเรื่องของจอมมารหายไม่จากความคิดเธอชั่วคราว
ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอล่ะก็
มันไม่ใช่เงินทอง ตำแหน่ง ชื่อเสียง แต่คือ
สามีและลูกสาวสุดที่รักนอกจากนั้นแล้วทุกสิ่งนั้นไร้ค่า
นี่คือเหตุการเมื่อ 3 ปีก่อน
ในตอนที่โลกยังสงบสุข
...............................................
ณ บริเวณ หน้าวิหารในป่าหมอกลวงตา
ทุกคนต่างตกใจกับการปรากฎตัวของ โรโรเนีย
โรโรเนียซึ่งยังไม่เข้าใจสถานะการสังเกตเห็นบาดแผลของอัลเล็ต
"อัลคุง เธอบาดเจ็บนี่
เธอพึ่งสู้กับใครมาเหรอ เดี๋ยวชั้นรักษาให้นะ"
แต่อัลเล็ตปฏิเสธ นี่ยังไม่ใช่เวลามาพัก
เค้ามองไปที่พวกพ้อง
"พวกเราจะเอายังไงดี"
"เรากลับมาอยู่ในสถานะการเดิมอีกแล้ว"
เฟรมี่พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ
"เราติดกับดักอีกแล้วเหรอ!"
โรโรเนียที่ยังไม่เข้าใจสถานการ
กำลังลุกลี้ลุกลน
"ชั้นขอโทษค่ะ..."
"โรโรเนีย เธอขอโทษเรื่องอะไร"
มอร่าถาม
"ชั้นมาสาย ทำให้ทุกคนลำบากขอโทษค่ะ"
เธอตอบและผงกหัวขอโทษหลายต่อหลายครั้ง
[i]เธอไม่เปลี่ยนไปเลย[/i] อัลเล็ตคิด
"ตกลงแล้ว เธอคนนี้เป็นใครน่ะ" ฮานถาม
"ตามที่เธอบอก เธอคือ โรโรเนีย เมนเชตต้า
เซ้นแห่งโลหิต เธออยู่ที่วิหารหลักกับชั้น มาประมาณ 2 ปีครึ่ง
ถึงเธอจะดูพึ่งพาไม่ได้แต่เธอมีความสามารถ" มอร่าตอบแทนโรโรเนีย
"ขะ ขอบคุณมากค่ะ "
โรโรเนียพูดด้วยน้ำเสียงยินดี
"เธอดูอ่อนแอนะ" ฮานพูด
"มีความสามารถเหรอ
ฟังดูไม่เหมือนโรโรเนียจอมบื้อที่ชามอสรู้จักเลย"
"ประเด็นสำคัญคือเธอเป็นมิตรหรือศัตรูต่างหากล่ะ"
เฟรมี่พูดพลางเล็งไรเฟิลไปที่โรโรเนีย
"ขะ ขอโทษค่ะ
ชั้นผิดไปแล้วและสำนึกผิดแล้ว ยกโทษให้ชั้นด้วย" โรโรเนียยังคงผงกหัวขอโทษ
"เอาล่ะมาแนะนำตัวกันก่อน"
หลังจากแนะนำตัวครบ
โรโรเนียก็เหมือนพึ่งจะรู้ตัวถึงสถานะการในตอนนี้
"มี6บุบผา 7 คน? นี่หมายความว่ายังไงค่ะ?"
"นี่เธอยังไม่เข้าใจจริงๆเหรอ" เฟรมี่พูดขึ้นอย่างไม่สบอารม
"ขะ ขอโทษค่ะ"
"ใครคนนึงเป็นตัวปลอม
และชั้นคิดว่าคนๆนั้นคือเธอ" เฟรมี่ตอบพลางเล็งไรเฟิลไปที่โรโรเนีย
ทันทีที่ได้ยินโรโรเนียก็สั่นด้วยความกลัว
แต่อัลเล็ตก็เข้ามาขวางทั้ง 2 ไว้
"เฟรมี่เรายังไม่ได้ตัดสินแบบนั้นนะ"
"ใช่ แต่ถ้าไม่ใช่เธอแล้วใครล่ะ"
"ถ้า โรโรเนียคือคนที่ 7 จริง
ทำไมเธอไม่มาพร้อม นาเชทาเนียล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้นาเชทาเนียมาคนเดียว"
"นาเชทาเนีย.....!
เกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงงั้นเหรอคะ?"
แต่ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้
"บางทีพวกเค้าอาจตั้งใจจะมาด้วยกัน
แต่มีอะไรบางอย่างทำให้มาพร้อมกันไม่ได้ก็ได้นะเมี๊ยว" ฮานพูดขึ้น
"เช่นอะไรล่ะ"
"ไม่รู้สิ" ฮานยักไหล่
"อัลเล็ตถอยไป มันอนตรายนะ" เฟรมี่พูดยังคงเล็งปืนไปที่โรโรเนีย
"ลดปืนลงซะ เฟรมี่เธอไม่ใช่คนที่ 7
หรอกอย่างที่ชั้นบอก ชั้นอยู่กับโรโรเนียที่วิหารหลักมานาน
โรโรเนียไม่ใช่คนที่จะหลอกใครเป็น" มอร่าพูด
"แล้วเธอคิดว่าคนอย่าง
นาเชทาเนียหลอกใครได้รึเปล่าล่ะ"
"แต่โรโรเนียไม่เคยทำตัวน่าสงสัย
ว่าจะติดต่อกับพวกปีศาจเลยนะ"
มอร่าเดินมาขวางปากกระบอกปืนไว้
"ถ้าเธอยังคิดจะยิงก็ยิงเลย"
"เธอไม่รู้สถานะตัวเองเหรอเหรอ เมี๊ยว
เธอน่ะเป็นผู้ต้องสงสัยลองจากโรโรเนียนะ" ฮานพูดแทรกขึ้น
"ชั้นถูกสงสัยเป็นเรื่องช่วยไม่ได้
แต่โรโรเนียเป็นตัวจริงแน่นอน"
"มีกลุ่มคนกำลังมาทางนี้!" เฟรมี่พูด
"นั่นกษัตริย์ กวินเวล เมี๊ยว"
ฮานพูด
"ท่านโรโรเนีย
เหล่าบุบผาอยู่ที่นั่นหรือไม่" กษัตริย์กวินเวล ตะโกนถามออกมา
"ข้าคือ กวินเวล ดอตั้น ที่ 3
และนี่คือเหล่าองรักษ์ของข้า
เราได้ยินว่ามีเหตุการผิดปรกติที่วิหารหมอกพวกเราจึงรีบช่วยพวกท่าน"
กวินเวลพูดเมื่อเดินเข้ามาถึงเหล่าบุปผา
"ชั้นคือหนึ่งใน 6 บุบผา มาร่า เชสเตอ
เซ้นแห่งขุนเขา เรายินดีที่ได้รับความช่วยเหรอจากท่าน
สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง"
"ตอนนี้เหล่าปีศาจ
ที่อยู่รอบอณาจักรทั้งหมดกำลังมุ่งหน้ามาที่วิหารหมอก คาดว่าจะมาถึงในไม่กี่ชม
นี้"
จากที่กวินเวลบอก เหล่าปีศาจที่กำลังมุ่งหน้ามาที่นี่มีประมาณ
2000 ตัวเป็นอย่างต่ำ
"เราประมาทไป" อัลเล็ทคิด
บาเรียหมอกทำเพื่อขวางพวกปีศาจไม่ให้ไปยังเขตแดนปีศาจได้
แต่เมื่อบาเรียหายไปพวกมันก็สามารถตรงเข้าไปยังเขตแดนปีศาจได้แล้ว
"เราควรถอยก่อนมั๊ย"
"ไม่ ชามอสไม่กลัวคนที่ 7 หรือใครทั้งนั้น"
ชอมอสพูด
"ชั้นก็ว่า ลุยกันต่อมันน่าสนุกกว่านะ
เมี๊ยว ยิ่งอันตรายก็ยิ่งสนุก"
"และถอนกลับตอนนี้เราอาจไปเจอกับดักของคนที่ 7 ก็ได้"ฮานพูด
ระหว่างที่ทุกคนยังโต้เถียงกัน
อัลเล็ตก็ตัดบทขึ้น
"พอได้แล้ว"
"ชั้นจะเป็นคนตัดสินใจเอง และพวกนายต้องทำตามที่ชั้นบอกโดยไม่มีเงื่อนไข"
อัลเล็ตพูดขึ้น
"ชั้นเป็นคนเดียวที่ทุกคนเชื่อว่า
ไม่ใช่คนที่ 7 ดังนั้นให้ชั้นเป็นคนตัดสินใจ
น่าจะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลที่สุดใช่มั๊ย"
ทุกคนทำหน้าไม่สบายใจ
"มันสมเหตุสมผลล่ะ
แต่ชั้นไม่ชอบเลยเมี๊ยว" ฮานพูด
"ชั้นคือชายที่แช็งแกร่งที่สุดในโลกนะ
นายคิดว่าการตัดสินใจของชายที่แช็งแกร่งที่สุดในโลกจะพลาดเหรอ?"
"พลาดแน่"
"แน่นอน"
เฟรมี่ และ ชามอสพูดพร้อมกัน
"ถึงแบบนั้นตอนนี้
ชั้นคิดว่าเราควรทำตามอัลเล็ตบอก ไม่งั้นเราก็คงไม่ได้ไปไหนกันพอดี" มอร่าพูด
"ช่วยไม่ได้ ถึงหมอนี่จะโง่แค่ไหน
แต่ก็ไม่ถึงกับพึ่งพาไม่ได้ล่ะนะ" ฮานพูด
"มั่นใจกันหน่อยซี่
ชั้นคือชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนะ"
"จ้า จ้า เมี๊ยวว" ฮานตอบส่งๆ
ตอนนี้เป็นหน้าที่ของอัลเล็ทแล้ว
ที่จะต้องตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือถอยกลับ
"มอร่า ชั้นอยากถามเธอเรื่องนึงก่อน
ในหมู่เซ้นมีใครที่มีพลังในการที่จะหาตัวคนที่ 7
ได้มั๊ย"
แต่เฟรมี่ก็ตอบขึ้นมาแทน
"ชั้นเคยได้ยินมาว่า เมอมันน่า เซ้นแห่งวาจา สามารถรับรู้การพูดโกหกได้
และมีพลังที่ทำให้คนพูดแต่ความจริง"
แต่มอร่าก็ส่ายหน้าขึ้น
"ไม่มีทางหรอก ตอนนี้เมอมันน่าอยู่ที่วิหารหลัก
ไม่ว่าเราจะเร่งยังไงก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7
วันจากที่นี่"
นั่นถ้าจะไม่ไหวแฮะ
ถ้าเสียเวลาขนาดนั้นเราอาจมีเวลาไม่พอในการกำจัดจอมมาร
แล้วก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเซ้นแห่งวาจาจะยังปลอดภัยอยู่ในตอนนี้
"ชั้นคือ อัลเล็ท ไมเยอ
ชายที่แข็งแก่งที่สุดในโลก. กษัตริย์ กวินเวล ท่านคงยังไม่เข้าใจสถานการณ์
แต่ขอให้ท่านทำตามที่ ชั้นบอก"
"ท่านต้องใช้เวลาเท่าไรในการเปิดม่านหมอกลวงตาอีกครั้ง"
"ได้ทันที พวกเราเตรียมเสบียงและน้ำมาพร้อมแล้ว
พวกเราสามารถตั้งค่ายป้องกันที่นี่ได้เลย"
"เช่นนั้น ช่วยเปิดม่านหมอกอีกครั้งภายใน 30
นาทีหลังจากที่พวกเราออกไป และจนกว่าพวกเราจะกำจัดจอมมารได้
ท่านจะช่วยคุ้มกันม่านหมอกนี้ไว้ได้มั๊ย?"
"ม่านพลังนี้ถูกออกแบบมาให้หายไปเองเมื่อจอมมารถูกกำจัด
มันจะคงอยู่จนถึงเวลานั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก"
อัลเล็ตพยักหน้ารับ
"เอาล่ะพวกเราจะมุ่งหน้าไปยังเขตแดนปีศาจ
อาจจะมีพวกศัตรูรอเราอยู่ที่ทางเข้าเขตแดน ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ"
และทั้ง7คนก็มุ่งหน้าออกไป
เมื่อทั้ง 7
มาถึงยังพรมแดนทางเข้าเขตแดนปีศาจ ม่านหมอกก็ปรากฏขึ้นด้านหลังพวกเค้าแล้ว
จนกว่าจอมมารจะถูกกำจัดพวกเค้าจะไม่สามารถหนีออกไปได้ "แต่ก็ดีแล้ว" อัลเล็ตคิด
การต่อสู้นี้เราจะถอยไม่ได้อย่างเด็ดขาด
<จบ Chapter 1 Part1>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น