18 มกราคม 2559

(Light Novel) Rokka no yuusha Vol.2 Chapter 2 - Part 1 (แปลไทย)


Chapter 2 – Part 1
วันนึงเมื่อ 3 ปีก่อน เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นที่วิหารหลัก และมันคือจุดเริ่มต้นที่ชักนำให้มอร่าจำเป็นต้องฆ่าฮาน
..............................................................
ณ บริเวณมุมหนึ่งของวิหารหลัก ที่ซึ่งมอร่า กันเนอร์ผู้เป็นสามี และ ลูกสาวชีเรียน่าอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกตลอดมา
ณ ตอนนี้มอร่ากำลังนั่งอยู่ที่โซฟาด้วยสีหน้าเคร็งเครียด
“หัวหน้าวิหาร คุณฟังอยู่รึเปล่า?
ในห้องนั้นมีคนอยู่ 3 คน คนนึงคือมอร่า อีกคนคือกันเนอร์สามีของเธอ และคนสุดท้ายคือหญิงที่ดูมีอายุคนหนึ่ง เธอสวนชุดเดสสีขาวธรรมดาๆ
ชื่อของเธอคือ ทูโร่ เมเนส เซ้นแห่งยา
เธอมีพลังในการรักษาอาการบาดเจ็บและโรคภัยต่าง หรือพูดอีกอย่างก็คือเธอไม่มีความสามารถในการต่อสู้ เธอออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อช่วยเหลือผู้คน เธอเป็นเซ้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งที่มอร่าเคารพและนับถือ
“หัวหน้าวิหาร ใจเย็นๆเถอะ” ทูโร่บอกเช่นนั้น แต่ มอร่าไม่สามารถทำได้ ร่ายกายของเธอยังไม่หยุดสั่น ณ ตอนนี้เธอต้องใช้พลังทั้งหมดพยายามครองสติของเธอไว้
“ขออภัยด้วย ท่านทูโร่ ภรรยาข้ายังไม่อยู่ในสถานะที่คุยกับท่านได้ตอนนี้ ข้าจะเป็นคนรับฟังแทนเอง” กันเนอร์พูด พลางจับมือมอร่าเพื่อพาเธออกไปพัก แต่มอร่าปฏิเสธ
“ขออภัยค่ะ ช่วยพูดอีกครั้งด้วย”
“เอาล่ะ ฟังให้ดีนะหัวหน้าวิหาร อาการป่วยของชีเรียน่าน่ะ ข้าไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ”
2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ชีเรียน่ามีอาการปวดบริเวณหน้าอก เมื่อตรวจดูก็พบว่าบริเวณอกของเธอมีรอยนูนคล้ายตะขาบปรากฏขึ้น มันเป็นอาการป่วยที่ไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน
แต่ละวันๆความเจ็บปวดบริเวณรอยบวมแปลกๆนั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดชีเรียน่าก็ร้องไห้เพราะความเจ็บปวด
ไม่มีใครรู้วิธีรักษา จนเมื่อผ่านไป 10 วัน อาการของชีเรียก็แย่ลงมากเธอเริ่มใช้เล็บข่วนบริเวณอกตัวเองจนเป็นแผล
มอร่าลองทุกวิธีเพื่อรักษาไม่ว่าจะพาไปหาหมอที่วิหาร เรียกหมอที่เก่งที่สุดในอนาจักรมา และพยายามใช้พลังของเซ็นแห่งขุนเขาของเธอในการรักษา แต่ทุกวีธีนั้นไร้ผล
ในที่สุดเธอก็เขียนจดหมายหา ทูโร่ ขอร้องให้มาช่วยดูอาการของชีเรียน่าโดยส่งม้าเร็วที่สุดไปรับ
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ บอกชึ้นทีเถอะค่ะ....”
ทว่าเมื่อทูโร่มาถึง อาการเจ็บปวดของชีเรียน่าก็หายไป เหลือไว้เพียงรอยเล็บที่เธอข่วนตัวเอง และรอยนูนคล้ายตะขายเท่านั้น
ในตอนแรกมอร่าคิดว่าเมื่ออาการเจ็บปวดหายไปแล้วคงไม่ต้องมีอะไรให้เป็นห่วงแล้วแต่เธอก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อได้ยินคำพูดของทูโร่
“มีอะไรบางอย่างคล้ายแมลงกำลังทำรังอยู่บริเวณหัวใจของเด็กคนนี้ ชั้นพยายามทุกทางที่ชั้นคิดออกแล้วแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ชั้นลองแม้แต่การใช้เข็มฉีดตัวยาเข้าไปที่แมลงตัวนั้นโดยตรงก็ไม่ได้ผล”
“นี่มันอะไรกัน ชีเรียน่าเป็นอะไรกันแน่คะ”
“ขอโทษนะ ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ได้โปรดบอกทีเถอะว่าไม่จริง”
ทูโร่ส่ายหน้า มีน้ำตาไหลออกมาอาบแก้มของเธอ “มอร่าที่สงสารของชั้น ขอโทษนะ ยกโทษให้ชั้นด้วยเถอะ”
มอร่าไม่ได้โทษทูโร่แม้แต่น้อย เธอรู้ว่าทูโร่ทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว
“พ่อคะ แม่คะ” มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชีเรียหน้าอยู่อีกด้านของประตู
“กันเนอร์ อย่าบอกลูกนะ”
“แน่นอน”
สำหรับกันเนอร์แล้วไม่ใช่ว่าเค้าไม่รู้สึกเศร้า จริงๆแล้วเค้ารู้สึกตกใจยิ่งกว่ามอร่าซะอีกตอนที่ได้ยินเรื่องนี้ แต่ว่าเค้ารู้ว่าในตอนนี้มีเพียงเค้าที่จะสามารถคอยสนับสนุนมอร่าได้ ดังนั้นเค้าจะต้องไม่เสียความเยือกเย็นไป
“ชีเรียน่า แม่กำลังคุยธุระสำคัญอยู่นะ เป็นเรื่องงานของเหล่าเซ้นหนูไม่ควรฟังรู้มั๊ย”
“อาการหนูไม่ดีเหรอคะ?” มอร่าได้ยินเสียงชีเรียน่าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“หนูพูดอะไรน่ะ หนูไม่รู้สึกเจ็บหน้าอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ป้าทูโร่บอกแล้วนี่ว่าหนูไม่เป็นไรแล้ว”
“หนูดีขึ้นแล้วเหรอ? หนูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆใช่มั๊ย”
“ใช่จ่ะ อีกซักพักรอบนูนที่อกนั่นก็จะหายไป ทั้งหมดนี้ก็เพราะหนูอดทนมาตลอดไงล่ะ”
จากนั้นชีเรียน่าก็เดินออกไปโดยมีกันเนอร์ตามเธอไปด้วย ส่วนมอร่าที่มองอยู่ด้านหลังนั้น ก็ทำได้เพียงนั่งร้องไห้อยู่เงียบๆ
............................................................
หลังจากทูโร่ทิ้งยาบางส่วนไว้ให้แล้วเธอก็เดินทางออกจากวิหารหลักไป มอร่าพยายามจะรั้งเธอไว้แต่กันเนอร์ก็เข้ามาห้ามเธอ เพราะถึงเธอจะยังอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้แล้ว แล้วในฐานะของเซ้นแห่งยาเธอควรที่จะออกช่วยเหลือผู้คนที่กำลังเจ็บป่วยและทุกข์ทรมานทั่วโลก
มอร่าปล่อยเรื่องงานทิ่วหารหลักให้กันเนอร์ช่วยดูแลส่วนเธอเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ทำให้ในตอนนี้ชีเรียน่าเป็นฝ่ายกังวลอาการของแม่แทน
อย่างไรก็ตาม 3 วันต่อ เธอก็ได้รับจดหมายจากทูโร่ โดยบนจดหมายมีตราประทับ “ด่วนมาก” และจดหมายจ่าหน้าไว้ว่าห้ามอื่นอ่านจดหมายฉบับนี้นอกจากมอร่า
เมื่อกลับมาถึงห้องมอร่าก็เริ่มอ่านจดหมายนั้น ในตอนแรกมันทำให้เธอรู้สึกกลัว แต่แล้วความกลัวก็แปลเปลี่ยนเป็นความโกรธอย่างรุนแรงแทน
………………………………………………………….
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ มอร่า?
กลางดึกคืนหนึ่ง 5 วันหลังจากที่มอร่าได้รับจดหมายจากทูโร่ มีเซ้นคนหนึ่งยืนอยู่ข้างมอร่า ทั้ง 2 คนยืนอยู่ที่ซากปราสาทเก่าแห่งหนึ่งห่างไปประมาณ 2 วันจากวิหารหลักหากว่าเดินทางด้วยม้า
ไม่มีใครอยู่รอบบริเวณนี้ มันเป็นที่ๆทำให้รู้สึกหนาวยะเยือก
“น่าเบื่อจัง ชั้นอยากจะไปหาอะไรดื่มแล้วน้า ถ้ามีธุระอะไรก็รีบๆพูดมาสิ”
ผู้ที่พูดเป็นหญิงสาวผมแดง สวมชุดที่ดูหรูหราและแต่งหน้าเข้ม เธอดูไม่ค่อยเหมือนเซ้นเท่าไหร่นัก
กลื่นเหล้าจากตัวเธอลอยฟุ้งมายังมาร่า เธอเป็นผู้หญิงที่สวยคนนึง แต่ค่อนข้างจะขี้เมาไปหน่อย
ชื่อของเธอคือ มามันน่า คีเนส เซ้นแห่งวาจา
“ชั้นขอโทษจริงๆที่เรียกเธอมากะทันหันแบบนี้” มอร่พูดพร้อมก้มหัวขอโทษ
“มีเรื่องนึงที่ชั้นอยากถามเธอมานานแล้ว ขอถามได้มั๊ย?
“อะไรเหรอ?
“ทำไมเธอดูไม่แก่ขึ้นเลย? ทำมีเคล็ดลับอะไรเหรอ?
“ก็... ทานพวกผักผลไม้ และก็ไม่นอนดึก...”
“โอย ชั้นทำไม่ได้หรอก”
ก็ว่างั้นล่ะ มอร่าคิด
มามันน่า เซ้นแห่งวาจา ผู้ได้รับพลังจากเทพแห่งวาจา
พูดได้ว่าในหมู่เซ้นทั้ง 78 คนนั้น เธอเป็นหนึ่งในเซ้นที่มีความสามารถค่อนข้างพิเศษ และถึงแม้พลังนั้นจะใช้ในการต่อสู้ไม่ได้แต่มันก็เป็นพลังที่มีประโยชน์อย่างมาก
พลังของเซ้นแห่งวาจานั้น มีพลังในการจับโกหกและมีพลังในการสร้างสัตย์สาบาน
คู่สัญญาที่ทำสัตย์สาบานกันนั้นจะไม่สามารถทำผิดคำสัตย์ที่แต่ละฝ่ายได้ให้ไว้ได้ หากผิดคำสาบานจะได้รับการลงโทษตามที่ได้ตกลงกันไว้ ความสามารถนี้ไม่มีใครสามารถทำลายได้แม้แต่ตัวมามันน่าเอง
พลังนี้ถูกใช้ในการเจรจาทำข้อตกลงต่างๆ ดังนั้นตั้งแต่อดีตเซ้นแห่งวาจามักจะมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูงเสมอ
“เอาเถอะยังไงซะ การที่เธอเรียกชั้นมาก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่ เธอตั้งใจจะทำข้อตกลงลับอะไรงั้นหรอ หรืออยากให้ชั้นปิดปากชู้รักของเธอ?
“ชั้นกำลังจะไปเจรจาข้อตกลงลับกับบางคน  ชั้นเลยอยากจะขอใช้พลังของเธอเพื่อรับประกันว่าจะไม่มีใครผิดข้อตกลงที่ทำไว้นี้”
“จริงอ้ะ! การเจรจาลับๆของ ท่านมอร่าคนนั้นน่ะนะ ฮึๆ ท่าทางจะน่าสนุกแฮะ” มามันน่ายิ้ม
“ลูกสาวของชั้นถูกใช้เป็นตัวประกัน ชั้นมาที่นี่เพื่อตกลงกับคนที่ทำเรื่องนี้”
จดหมายที่ส่งถึงมอร่านั้นลงชื่อของทูโร่ แต่ทว่าตัวจดหมายนั้นเขียนโดยบุคคลอื่น ซึ่งคนเขียนนั้นเป็นคนที่ฝังปรสิตไว้ในตัวชีเรียน่า มันได้ระบุเวลาและสถานที่เอาไว้และให้มอร่าไปที่นั่นคนเดียว ไม่เช่นนั้นชีวิตของชีเรียน่าจะต้องตาย
“อะไรนะ! ชีเรียน่าจัง โดนลักพาตัวไปงั้นเหรอ? ฮ่าๆๆ” มามันน่าหัวเราะ
มอร่าจ้องไปที่เธอแต่มามันน่าก็ไม่ได้ใส่ใจ
“แค่เด็กคนเดียวเธอถึงกับทำแบบนี้เลยเหรอ ชั้นไม่เข้าใจเล้ย”
“ถ้าเธอมีลูกเมื่อไรเธอจะเข้าใจเองน่ะล่ะ แต่ถ้าไม่ล่ะก็เธอก็คงไม่มีวันเข้าใจไปตลอดชีวิต”
“แต่บางครอบครัวก็ไม่เข้าใจนะถึงจะมีลูกแล้วก็เถอะ”
มอร่าไม่อยากจะเถียงด้วยจึงเปลี่ยนเรื่อง “ชั้นเรียกไวเวินมาด้วย แต่เธอติดธุระ”
“ไวเวิน! เธอจะเรียกยัยโง่นั่นมาทำไม”
ไวเวิน เซ้นแห่งเกลือ หนึ่งในเหล่าเซ้นที่มอร่าเป็นผู้ฝึก 1 เดือนที่ผ่านมา เธอมีความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดสูง และมีพลังในการขจัดพิษและขับไล่พวกปีศาจ
“แต่ชั้นไว้ใจเค้า”
“เอ... เดี๋ยวนะ นี่หมายความว่าอีกฝ่ายนี่ค่อนข้างอันตรายเหรอ?” มามันน่าเริ่มหน้าเสีย
“เราใกล้จะถึงจุดนัดพบแล้ว เธออาจจะไม่รู้สึก แต่อีกฝ่ายที่รอเราอยู่น่ะค่อนข้างอันตรายทีเดียวล่ะ”
ในที่สุดทั้ง 2 ก็มาถึงโถงใหญ่กลางปราสาทร้าง ที่บัลลังกลางห้องนั้น มีปีศาจตัวหนึ่งกำลังกินอาหารอยู่อย่างตะกละตะกราม
รอบๆบัลลังที่มันนั่งอยู่นั้น มีซากนก เศษมะเขือ ซากหนู เศษข้าวโอ๊ต กระจอยอยู่รอบ
ปีศาจตัวนั้นมีหัวเป็นกิ้งก่า แต่มีร่างกายคล้ายมนุษย์ และมีปีก 3 ปีก ที่หลัง มอร่าคิดว่าปีศาจตัวนี้น่าจะเป็น เท็กเนียว ตามชื่อที่ลงท้ายไว้ใน จดหมายที่ส่งมาที่เธอ
“สวัสดี”
“เท็กเนียว แกนี่มันต่ำช้าจริงๆ” มอร่าพูดขณะที่จ้องไปที่เท็กเนียวซึ่งกำลังเลียนิ้วหลังกินเสร็จ
“หยาบคายจัง ก็มันเป็นธรรมชาติของชั้นนี่ที่ต้องกินเยอะแบบนี้ ไม่งั้นชั้นคงหิวหายแน่ๆ เดี๋ยวนะขอชั้นเช็ดมือก่อน”
หลังจากพูดเสร็จเท็กเนียวก็เก็บกวาดซากของที่เค้ากินทั้งหมดใส่ถุงที่เอาติดตัวมาด้วย และเดินเข้าไปหาทั้ง 2 คน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ มอร่า ชั้นชื่อ เท็กเนียว เป็นข้ารับใช้ระดับสูงของจอมมาร”
มันเอามือทาบอกและโค้งด้วยท่าทีนอบน้อม ถึงร่างกายจะเป็นปีศาจ แต่ท่าทีและการพูดของมันช่างเหมือนมนุษย์มาก
“อะ เอ่อออ มอร่า นี่มันน่าตกใจนิดนึงนะ” มามันน่าพูดด้วยเสียงสั่น
“ขออภัยด้วย แต่สาวงามคนนี้คือใครกัน?” เท็กเนียวถามขึ้น
“นี่คือ มามันน่า เซ้นแห่งวาจา ชั้นจำเป็นต้องมีเธอในการเจรจา”
“ชั้นบอกให้มาคนเดียวไม่ใช่เหรอ?
“จดหมายไม่ได้บอกนี่”
เท็กเนียวยักไหล่ หลังจากนั้นเค้าก็โค้งให้มามันน่า
“เอาเถอะไม่เป็นไร การอยู่ใกล้หญิงงามไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับชั้น”
“อะ อ่า นี้ชั้นถูกปีศาจชมอยู่เหรอเนี่ย”
เท็กเนียวเดินไปหามามันน่าและยื่นมือออกไป มามันน่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยืนมือไปจบตอบและโค้งเล็กน้อยเป็นการทักทาย
“เอาล่ะ เริ่มเจรจากันเลยดีกว่า แต่ก่อนอื่น มามันน่า ชั้นอยากให้เธอสัญญากับชั้นว่าเธอจะไม่เล่าเรื่องในวันนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด”
“แน่ล่ะ ถ้าเรื่องนี้เล็ดลอดออกไปล่ะก็โลกได้วุ่นวายแน่” หลังพูดจบ มามันน่าก็ใช้พลังของเซ้นแห่งวาจา
มีลูกบอลแสงเล็ก ปรากฏขึ้นบริเวณปลายนิ้วชี้ของเธอ เธอชี้ไปที่ตัวเองและพูดขึ้น “ชั้นขอสาบานต่อเทพแห่งวาจา ชั้นจะไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด ถ้าผิดคำสาบาน ชั้นขอสละชีวิตให้เป็นการชดเชย”
เมื่อพูดจบบอลแสงก็ลอยเข้าไปในหน้าอกของเธอ เป็นสัญญาณว่าคำสาบานเป็นผลแล้ว ตอนนี้แม้แต่มามันน่าเองก็ไม่สามารถกลับคำสาบานได้
“เท็กเนียว นายก็สาบานด้วย ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ไม่ว่าจะกับมนุษย์ ปีศาจ หรือจอมมาร ทำได้ใช่มั๊ย?
ถ้าเรื่องนี้เล็ดลอดออกไป ชีวิตมอร่าจะจบสิ้นทันที
“ได้สิ” เท็กเนียวตอบเกือบจะทันที
“ถ้าไม่ทำ เราคงเริ่มเจรจากันไม่ได้ และเธอก็จะมาเสียเที่ยวเปล่าๆ”
เท็กเนียวสาบานเช่นเดียวกับมามันน่า บอลแสงลอยเข้าไปในอกของเท็กเนียวเป็นการแสดงว่าพันธะสัญญาเสร็จสิ้น พลังของเซ้นแห่งวาจานั้นสามารถใช้กับปีศาจได้ ความจริงนี้ถูกพิสูจย์แล้วเมื่อ 2 ปีก่อนโดยทดลองกับพวกปีศาจที่จับมาได้
“งั้น มอร่า เธอจะให้สัตย์สาบานด้วยมั๊ย?
“จำเป็นเหรอ?
“อืม ไม่เป็นไรมั๊ง” เท็กเนียวยักไหล่ “งั้นเริ่มกันเลยมั๊ย อย่างที่เธอรู้ สมุนชั้นได้ฝังปรสิตให้ทำรังอยู่ในหัวใจของลูกสาวเธอ ไม่มีทางที่จะเอามันออกได้นอกจากชั้นจะสั่งให้มันทำลายตัวเอง”
“แค่ชั้นดีดนิ้ว ลูกสาวเธอจะต้องทรมานอย่างแสนสาหัส เหมือนตกนรกจนสิ้นใจ ชนิดที่ว่าความทรมานที่ผ่านๆมานั้นเทียบไม่ได้เลยล่ะ”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้นความโกรธก็พุ่งพล่านอยู่ในตัวมอร่า
“ยังไงก็ตามใจเถอะ มอร่า ชั้นไม่ได้อยากจะฆ่าชีเรียน่าเลย ถ้าเธอฟังคำขอของชั้น ชีเรียน่าก็จะเป็นอิสระ ทันทีที่ชั้นสั่ง ปรสิตนั่นจะหายไปทันที”
“แกต้องการอะไร”
“น่าจะรู้อยู่แล้วนะ มีเรื่องเดียวเท่านั้นล่ะ”
เท็กเนียวผายมือออกและแสดงท่าทางเหมือนกำลังแสดงละครเวที “เมื่อจอมมารตื่นขึ้น สงครามระหว่างมนุษย์และปีศาจครั้งที่ 3 ก็จะเริ่มขึ้น และเวลานั้นก็กำลังใกล้เข้ามา”
“บอกมาว่าแกต้องการอะไร”
“ชั้นอยากให้เธอฆ่า 6 บุบผา”
“ขอปฏิเสธ” มอร่าตอบทันที
เท็กเนียวอึ้งไปพักนึง
“โอ้…!
“ถ้าหกบุบผาตายโลกก็จะถึงกาลอวสาน และถ้าจอมมารคืนชีพได้ทุกคนก็จะต้องตายอยู่ดี ขอเรียกร้องนี้มันไร้สาระ”
มามันน่ามองไปทีมอร่าอย่างตกใจ
“เดี๋ยวนะ เธอแน่ใจเหรอ? นี่เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะช่วยชีเรียน่าจังเหรอ?
 มอร่าไม่ตอบเธอซ่อนมือที่สั่นเทาของเธอเอาไว้
ใจจริงแล้วเธอแทบอยากจะคุกเข่าขอร้องเท็กเนียวให้ปล่อยลูกสาวเธอ เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับชีวิตของลูก แต่การที่ไม่สามารถปกป้องโลกได้ ก็หมายความว่าเธอไม่สามารถปกป้องลูกสาวเธอได้เช่นกัน
เท็กเนียวยืนคิดอยู่พักนึง หลังจากนั้นมันก็ตบมือด้วยรอยยิ้ม “ตอบได้ดีมาก มอร่า ชั้นก็คิดอยู่แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้”
“เรามาเจรจากันต่อเถอะ ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล เรามีเวลาคุยกันอีกเหลือเฟือ” เท็กเนียวลากเก้าอี้ 2 ตัวออกมา และเชิญให้ทั้ง 2 นั่ง
“มอร่า ชั้นรู้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อช่วยลูกสาวของเธอ นั่นหมายความว่าเธอมาเพื่อเจรจา ดังนั้นมาคุยกันต่อเถอะ”
หลังจากลังเลอยู่พักนึง มอร่าก็นั่งลง มามันน่าที่ยังดูสับสนก็นั่งลงตามมอร่า
“ถ้านายมีข้อเรียกร้องอื่นชั้นจะทำตาม แม้ว่ามันจะหมายถึงชีวิตของชั้น ชั้นก็ยินดีมอบให้ แต่ว่าให้ชั้นฆ่าหกบุบผาเป็นเงื่อนไขที่ชั้นทำไม่ได้”
“เข้าใจล่ะ แต่ว่าชั้นก็ไม่ได้อยากได้ชีวิตเธอด้วยสิ” เท็กเนียวหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ชั้นจะบอกเธอให้นะมอร่า ชั้นจะทำให้เธอฆ่า หกบุบผาให้ได้

<<จบ Chapter 2 – Part 1>>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น